แอรีส (Ares) เทพแห่งสงคราม
แอรีส เป็นโอรสของมหาเทพซูส กับเทพีเฮร่า แอรีส เป็นเทพที่มีอุปนิสัยโหดร้าย ป่าเถื่อน ชมชอบการต่อสู้ เป็นนักรบ เป็นเทพแห่งสงคราม นิสัยของแอรีสนี้กลับตรงข้ามกับเทพีอาธีน่าซึ่งเป็นเทพีแห่งปัญญาและเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เพราะเทพีอาธีน่านั้นสุขุม เฉลียวฉลาด และกล้าหาญ เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้แอรีสจึงไม่ค่อยถูกชะตาเทพีอาธีน่านัก ครั้งหนึ่งเทพแอรีสทะเลาะกับเทพีอาธีน่า เทพแอรีสบันดาลโทสะขว้างจักรเข้าใส่เทพีอาธีน่า เทพีอาธีน่าหลบได้ และยกหินที่วางอยู่ใกล้ๆ ทุ่มตอบกลับไป หินนั้นกระแทกจนแอรีสทรุดลงกองกับพื้น จึงนับได้ว่าสงครามหรือจะสู้ปัญญา นอกจากจะแพ้แก่เทพีอาธีน่าแล้ว แอรีสก็ยังแพ้มนุษย์ด้วย แต่มนุษย์คนนั้นเป็นโอรสองค์หนึ่งของซูส คือ เฮอร์คิวลิส เฮอร์คิวลิสสังหารโอรสของแอรีสคนหนึ่ง เมื่อเทพแอรีสเข้าช่วย ก็ถูกเฮอร์คิวลิสต่อยตีจนต้องหนีขึ้นไปบนโอลิมปัส และนำเรื่องฟ้องมหาเทพ แต่ซูสตัดสินไกล่เกลี่ยให้เลิกรากันไปเนื่องเพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นพี่น้องกัน ด้วยนิสัยโหดร้าย ป่าเถื่อน และคึกคะนอง เทพแอรีสจึงมักเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถศึกเทียมม้าฝีเท้าจัดมากมาย สวมเสื้อเกราะและพกพาอาวุธประหนึ่งจะออกรบ โดยมีโอรสที่เกิดกับอีริสเป็นบริวารคอยติดสอยห้อยตาม 2 องค์ คือ เดมอส (Deimos) ซึ่งแปลว่าความกลัว กับ โฟบอส (Phobos) แปลว่าความน่าสยองขวัญ แอรีสไม่มีชายาออกหน้าออกตาเป็นตัวเป็นตน มีแต่ชู้รักที่ออกหน้าออกตา คือ เทพีอะโฟรไดต์ ผู้เป็นชายาของเทพการช่างเฮเฟตัส อะโฟรไดต์นั้นไม่ชอบความขี้เหร่ของเฮเฟตัส จึงได้ลักลอบเป็นชู้กับแอรีส โดยทั้งสองลักลอบอยู่ด้วยกันทุกคืน โดยแอรีสใช้ให้หนุ่มน้อยอะเล็กไทรออนคอยปลุกก่อนสว่างทุกวัน ซึ่งอะเล็กไทรออนก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องตลอดมา แต่วันหนึ่ง อะเล็กไทรออนเผลอหลับยาม ปล่อยให้สุริยเทพอพอลโลมองเห็นแอรีสกับอะโฟรไดต์เปลือยเปล่าอยู่ด้วยกัน อพอลโลจึงนำข่าวไปบอกเฮเฟตัส เฮเฟตัสนั้นได้ยินข่าวชู้รักทั้งสองมานานแล้ว แต่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ก็ได้เตรียมทอแหเอาไว้จับชู้รักทั้งสองไว้แล้ว เมื่อรู้ข่าวดังนั้นเฮเฟตัสจึงใช้แหจับแอรีสกับอโฟรไดทีไว้ได้ และพาทั้งสองมาให้เทพสภาตัดสิน แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเข็มขัดที่เฮเฟตัสประดิษฐ์ให้อะโฟรไดต์เป็นของขวัญวันแต่งงาน ปวงเทพทั้งหลายจึงไม่ตัดสินลงโทษผู้ใด แต่ครั้งนี้ก็ทำให้ชู้รักทั้งสองอับอายขายหน้าไปทั้งสวรรค์ แอรีสโกรธอะเล็กไทรออนมาก จึงสาปให้เขากลายเป็นไก่ มีหน้าที่ตื่นขึ้นมาขันบอกเวลายามเช้ามาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะถูกจับได้ แต่แอรีสกับอะโฟรไดต์ก็ยังแอบเป็นชู้กันอยู่เรื่อยมา จนมีโอรสและธิดาด้วยกันอย่างละ 2 องค์ โอรส คือ อีรอส กับแอนติรอส ส่วนธิดา คือ เฮอร์ไมโอนี กับอัลซิปเป นางเฮอร์ไมโอนีนั้นต่อมาได้เป็นราชินีแห่งนครธีปส์ ส่วนนางอัลซิปเปต่อมาถูกโอรสของโพไซดอนเจ้าสมุทรลักพาตัวไป เทพแอรีสโกรธมากจึงฆ่าโอรสโพไซดอนตาย โพไซดอนไปฟ้องเทพสภาว่าแอรีสทำเกินกว่าเหตุ แต่เทพสภาตัดสินให้แอรีสชนะ เรื่องราวความรักของแอรีสนั้น แม้ตนเองจะเป็นเพียงแค่ชู้รักกับอะโฟรไดต์ แต่แอรีสนั้นรักและหึงหวงนางมากจนถึงกับทำให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งต้องเสียชีวิตลง หนุ่มน้อยคนนั้นคือ อโดนิส อโดนิสนั้นมีกำเนิดมาจากต้นไม้ เทพีอะโฟรไดต์ไปพบเข้าขณะที่ต้นไม้กำลังล้ม ซึ่งขณะนั้นอโดนิสยังเป็นเด็กน้อยอยู่ อะโฟรไดต์จึงตั้งชื่อให้และนำไปฝากให้เทพีเพอร์ซีโฟเน่มเหสีแห่งยมโลกช่วยเลี้ยงดู อโดนิสเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปสวย ไม่ว่าเขาจะย่างเท้าไปทางไหน ดอกไม้ก็จะเบ่งบาน นกจะร้องเพลงเริงร่า และหมู่ผีเสื้อก็จะโบยบินตามหลังเขาไป อโดนิสชมชอบธรรมชาติ และชอบล่าสัตว์มาก เขาเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกล้า วันหนึ่งเทพีอะโฟรไดต์หยอกเล่นกับอีรอสผู้เป็นโอรส พระนางเผลอถูกปลายศรรักของอีรอสสะกิดเข้านิดหนึ่ง แผลนั้นแม้จะเล็กเพียงนิดเดียวแต่ก็ส่งผลให้เมื่อพระนางมาพบอโดนิสที่กำลังล่าสัตว์อยู่กลางป่า พระนางก็เกิดหลงรักหนุ่มน้อยรูปงามคนนี้อย่างหัวปักหัวปำ และคิดจะเอาตัวอโดนิสไปเป็นสวามีลับๆ อีกคน แต่เทพีเพอร์ซีโฟเน่ไม่ยอมเนื่องจากพระนางก็ต้องการเก็บหนุ่มน้อยอโดนิสไว้เป็นสวามีลับด้วยเช่นกัน ทำให้เทพีทั้งสองทะเลาะกัน เรื่องรู้ถึงหูซูส มหาเทพจึงยุติศึกโดยตัดสินให้แต่ละปีอโดนิสต้องใช้ชีวิต 4 เดือนอยู่กับเทพีอะโฟรไดต์ อีก 4 เดือนอยู่กับเทพีเพอร์ซีโฟเน่ ส่วนอีก 4 เดือนที่เหลือให้อโดนิสเลือกใช้ชีวิตได้ตามชอบใจ ผลการตัดสินเป็นที่พึงพอใจของสองเทพี แต่ขัดใจแอรีสมาก เนื่องจากอะโฟรไดต์เฝ้าเอาใจอโดนิสออกหน้าออกตาจนแทบจะหลงลืมเทพแอรีสไปเลย วันหนึ่งเทพแอรีสจึงจำแลงแปลงกายเป็นหมูป่ามาหลอกล่อให้อโดนิสไล่ล่า และฉวยโอกาสขวิดอโดนิสจนถึงแก่ความตายที่กลางป่า เทพีอะโฟรไดต์มาพบร่างอโดนิสเมื่อสายเสียแล้ว พระนางจึงต้องหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัยรักในตัวหนุ่มน้อย เมื่อหยดน้ำตาของเทพีแห่งความรักตกต้องเลือดสีแดงของอโดนิส ก็บังเกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกงามขึ้นและออกดอกสีแดงดังสีเลือด ดอกไม้นั้น คือ ดอกอโดนิส ดอกไม้แห่งความรัก นอกจากอะโฟรไดต์แล้ว แอรีสยังมีชายาอีกคนหนึ่ง คือ นางอีเลีย นางอีเลียเป็นธิดาของท้าวนิวไมเทอร์ เจ้าเกาะอัลบา ซึ่งต่อมาได้ถูกอนุชาชื่อท้าวอัมมิวเลียสยึดอำนาจไป เมื่อโตขึ้นนางอีเลียได้ทำหน้าที่เป็นเวสตัลพรหมจารีสาวกของเทพีเฮสเทีย มีหน้าที่ดูแลไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหาร ซึ่งกฎของการเป็นเวสตัลพรหมจารีคือห้ามแต่งงานมีสามี เทพแอรีสมาลักลอบได้นางอีเลียเป็นชายา และให้กำเนิดโอรสฝาแฝดชื่อโรมิวลัส กับรีมัส หลังให้กำเนิดโอรส นางอีเลียก็ถูกลงโทษโดยการฝังทั้งเป็นตามกฎของเวสตัล ส่วนโอรสทั้งสองถูกท้าวอัมมิวเลียสจับปล่อยลอยแพไปตามน้ำไทเบอร์ โชคดีที่ทารกน้อยทั้งสองลอยมาติดชายฝั่งอย่างปลอดภัย แถมยังได้แม่สุนัขป่านำไปเลี้ยงดู เมื่อโตขึ้นหน่อยหนึ่ง ชายเลี้ยงแกะก็มาเจอเด็กทั้งสองเข้า เขาจึงได้พาเด็กทั้งสองกลับไปเลี้ยดูจนเติบใหญ่ โรมิวลัสกับรีมัส เมื่อโตเป็นหนุ่มก็ตั้งตนเป็นหัวหน้าคนเลี้ยงแกะ เมื่อซ่องสุมกำลังพลจนกล้าแข็ง ทั้งสองก็ยกกำลังพลไปขับไล่ท้าวอัมมิวเลียสออกจากบัลลังก์ได้ และสถาปนาท้าวนิวไมเทอร์ผู้เป็นพระอัยกาขึ้นครองบัลลังก์ตามเดิม โรมิวลัสและรีมัสหารือกันและตกลงมาช่วยกันสร้างเมืองใหม่ริมฝั่งน้ำที่ทั้งสองเคยอยู่ตอนเด็กๆ แต่ทั้งสองเกิดขัดแย้งกันเองจนโรมิวลัสบันดาลโทสะฆ่ารีมัสตาย โรมิวลัสสร้างเมืองต่อไปจนสำเร็จ และตั้งชื่อเมืองว่ากรุงโรมตามชื่อของตน กรุงโรมนี้เทพแอรีสจะคอยปกปักรักษาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเมืองของโอรสของพระองค์เอง พระองค์ส่งโล่ห์ประจำองค์มาช่วยปกป้องกรุงโรม ซึ่งชาวโรมได้สร้างโล่ห์จำลองขึ้นอีก 11 อัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครรู้ว่าอันไหนเป็นโล่ห์จริง เพื่อป้องกันไม่ให้โล่ห์นั้นถูกขโมย แอรีสมีชายาอีกองค์หนึ่ง คือ อีรีส ซึ่งเป็นเทพีแห่งความแตกแยก และเป็นน้องสาวของพระองค์เอง มีโอรสด้วยกัน 2 องค์ คือ ไดมอส กับโฟบอส ซึ่งเป็นเทพแห่งความกลัว กับเทพห่งความสยดสยอง ส่วนโอรสอีกองค์หนึ่งของอีรีสที่ชื่อ เอตี เทพแห่งโทสะ นั้นเป็นโอรสของซูสผู้เป็นเทพบิดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น