วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ฮาเดส(Hades) เทพแห่งนรกโลกันต์

ฮาเดสโอรสองค์ที่ 4 ของเทพไททันโครนอส เป็นพี่ชายของโพไซดอนและซูส เมื่อแรกกำเนิดถูกโครนอสเทพบิดากลืนลงท้องเพราะกลัวว่าเมื่อโตขึ้นจะมาโค่นอำนาจของตนเองตามคำสาปแช่งของอูรานอส เมื่อซูสรบชนะโครนอสก็ให้มีทิสปรุงยาสำรอกให้โครนอสดื่ม โครนอสจึงสำรอกฮาเดสและพี่น้องอีก 4 องค์ออกมา ซึ่งตอนนั้นบรรดาเทพบุตรเทพธิดาที่อยู่ในท้องของโครนอสได้กลายเป็นหนุ่มสาวหมดแล้ว
 
หลังจากช่วยซูสให้ชนะศึกไททันแล้ว ซูสก็ได้แบ่งอำนาจให้ฮาเดสปกครองยมโลกและบาดาล
ฮาเดสเป็นหนึ่งในเทพโอลิมเปียนส์ที่ไม่ยอมอยู่บนโอลิมปัส แต่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวังในยมโลก ทำหน้าที่เป็นเทพโลกันต์ตัดสินให้คนตายไปสวรรค์หรือนรก ซึ่งสวรรค์สำหรับคนตายนี้คือทุ่งเอลลีเซียม ไม่ใช่โอลิมปัส เพราะโอลิมปัสเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าเทพ
พระราชวังของฮาเดสอยู่ในยมโลก อยู่ในที่กว้าง ปกคลุมด้วยหมอกที่หนาวเย็น และมีลมพัดแรงตลอดเวลา
ฮาเดสนอกจากเป็นเทพโลกันต์แล้วยังเป็นเทพแห่งทรัพย์ด้วย เนื่องจากบรรดาทรัพย์ต่างๆ ใต้พิภพล้วนแต่เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น
เนื่องจากมีหน้าที่ต้องตัดสินคนตายด้วยความยุติธรรมไม่เข้าข้างผู้ใด เทพฮาเดสจึงมีหน้าตาถมึงทึง และเย็นชา เป็นที่เกรงกลัวของทุกคน เป็นเหตุให้จีบสาวไม่เป็น หาชายาไม่ได้
หรืออาจเป็นเพราะไม่มีเทพธิดาหรือสาวคนใดอยากไปอยู่ในยมโลกที่มืดมิดและน่ากลัว
แต่วันหนึ่งอสูรเอนซาลาดัสที่ถูกซูสล่ามโซ่ไว้ใต้ภูเขาเอตนาเกิดดิ้นรนจะให้หลุดจากพันธนาการ ด้วยความแรงทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนลงไปถึงยมโลก เทพฮาเดสเกรงว่ายมโลกจะแตกร้าวจึงขับราชรถเทียมม้าดำไปขึ้นมาตรวจดู
พอดีเทพีอะโฟรไดต์เห็นเทพฮาเดสเข้าก็บัญชาให้กามเทพอีรอสยิงศรรักไปปักอกเทพฮาเดส ซึ่งจะทำให้เทพฮาเดสหลงรักหญิงคนแรกที่พบเห็นทันที
หญิงที่เทพฮาเดสเห็นเป็นคนแรกเป็นเทพธิดานามว่า เพอร์ซิโฟนี (Persephone) เทพีฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นธิดาองค์เดียวของเทพีแห่งพืชพันธุ์ดีมีเตอร์ และเป็นหลานของเทพฮาเดสเอง
 
เทพีเพอร์ซิโฟนีกำลังเก็บดอกไม้อยู่กับบรรดาเพื่อนๆ
พอเทพฮาเดสเห็นนางเข้าก็หลงรัก จึงตรงเข้าฉุดพาเพอร์ซิโฟนีขึ้นราชรถพาไปยมโลกทันที เพอร์ซีโฟนีพยายามส่งเสียงเรียกให้เพื่อนๆ ช่วย แต่ไม่มีใครช่วยเธอได้
เทพฮาเดสพาเพอร์ซิโฟนีขึ้นราชรถไปถึงแม่น้ำไซเอนี (Cyane) ที่ขวางหน้าอยู่ แม่น้ำนั้นก็ปั่นป่วน ผิวน้ำเอ่อท้นขึ้นมาท่วมตลิ่งเพื่อขัดขวาง เทพฮาเดสกริ้ว ใช้ด้ามคทากระแทกพื้นจนแยกเป็นทาง แล้วพระองค์ก็ทรงราชรถตรงดิ่งไปสู่ยมโลก
ฝ่ายเพอร์ซิโฟนีก็แก้สายรัดองค์โยนแม่น้ำไซเอนี และฝากนางอัปสรประจำแม่น้ำให้ช่วยบอกข่าวเทพีดิมิเตอร์ผู้เป็นมารดาให้ด้วย
ถึงยมโลกแล้วเทพฮาเดสก็จัดแจงอภิเษกสมรสกับเพอร์ซิโมนีโดยที่เธอไม่ได้เต็มใจด้วย
ฝ่ายเทพีดิมิเตอร์ได้ยินเสียงแว่วๆ ของธิดาก็พยายามติดตามหา แต่ไม่ว่าจะตามหาไปแห่งใดก็ไม่อาจพบธิดาสาวได้ พระนางพบแต่เพียงร่องรอยของดอกไม้ที่ตกอยู่เกลื่อนกลาด
เทพีดีมิเตอร์ออกเที่ยวตามหาธิดาไปตามที่ต่างๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทุกวัน จนไม่มีเวลาไปสนใจดูแลพืชพันธุ์ บรรดาพืชพันธุ์และดอกไม้จึงพากันเหี่ยวเฉา และแห้งตายไปตามๆ กัน
 
ระหว่างการตามหาเพอร์ซิโฟนีธิดาสาว เทพีดีมิเตอร์ได้จำแลงองค์เป็นหญิงชราเพื่อมิให้ผู้ใดรู้จัก
วันหนึ่งเทพีดีมิเตอร์ในร่างหญิงชรา ได้มานั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่เมืองอีลูสิส ธิดาของเจ้าเมืองสงสารจึงชวนยายแก่เข้าวังให้ดูแลกุมาร ทริปโทลีมัส (Triptolemus) ผู้น้อง ซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะอยู่
พอยายแก่ลูบคลำทารก ทารกนั้นก็เปล่งปลั่งขึ้นเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก ตกกลางคืนเทพีดีมิเตอร์คิดจะช่วยทำให้ทารกนั้นเป็นอมตะ จึงทำพิธีเอาน้ำเกสรดอกไม้ชะโลมทารก ท่องมนต์ และวางทารกลงบนถ่านไฟ
ฝ่ายพระมารดาของทารกนั้นยังไม่วางใจยายแก่นักจึงแอบย่องมาดู เห็นทารกกำลังถูกย่างอยู่บนไฟก็ตกใจ รีบถลันไปอุ้มทารกนั้นออกจากไฟ
ขณะเดียวกันยายแก่ก็กลับคืนร่างเป็นเทพีดีมิเตอร์ บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะชุบโอรสให้เป็นอมตะให้ฟัง จากนั้นเทพีดีมิเตอร์ก็เดินทางตามหาธิดาต่อไป
จนวันหนึ่งเทพีดิมิเตอร์ก็มาถึงแม่น้ำไซเอนี นางอัปสรประจำสายน้ำจึงพัดสายรัดองค์ของเพอร์ซิโฟนีมาให้เทพีดิมิเตอร์ แต่เทพีดิมิเตอร์ก็ยังไม่รู้ว่าธิดาสาวอยู่แห่งใด นางอัปสรแห่งน้ำพุอาเรธูซาจึงได้ขับเป็นลำนำให้เทพีดิมิเตอร์ได้ฟัง
…..
ข้าพวยพุ่งจากพื้นปฐพี
ซอกแซกวารีผ่านโลกันต์
บนบัลลังก์หินอ่อนดำสนิท
แนบชิดเทพฮาเดสคือใครนั่น
คือเอกองค์มเหสีเทพโลกันต์
เพอร์ซิโฟนีจากสวรรค์องค์นั้นเอง
…..
รู้ว่าธิดาสาวเพอร์ซิโฟนีกลายเป็นชายาของเทพฮาเดสอยู่ในยมโลกแล้ว พระนางจึงไปฟ้องมหาเทพซูสให้ช่วยนำพาธิดานางคืนมา
มหาเทพทรงใช้ให้เฮอร์เมสเทพสื่อสารลงไปยมโลกและเจรจาเพื่อนำตัวเพอร์ซิโฟนีกลับมา โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าหากเพอร์ซิโฟนีไม่ได้ทานสิ่งใดในยมโลก เทพฮาเดสต้องคืนเธอกลับมาโดยไม่มีข้อแม้
แต่ถ้าหากเพอร์ซิโฟนีได้ทานอะไรเข้าไปแล้ว เทพฮาเดสจึงจะมีสิทธิในตัวเธอ
เทพฮาเดสจึงจำเป็นต้องส่งเทพีเพอร์ซิโฟนีกลับคืน แต่ภูติแห่งความมืดได้บอกว่าเห็นเพอร์ซิโฟนีเสวยทับทิมไป 6 เมล็ด ในที่สุดจึงตกลงกันว่าในปีหนึ่งๆ เพอร์ซิโฟนีต้องใช้เวลา 6 เดือนอยู่ในยมโลก เป็นชายาของฮาเดส และอีก 6 เดือนกลับมาใช้ชีวิตบนโอลิมปัส
เมื่อเพอร์ซิโฟนีซึ่งเป็นเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิกลับจากยมโลก ต้นไม้ใบหญ้าบนโลกก็จะผลิใบ และช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่เพอร์ซิโฟนีอยู่บนโลกนี้ เทพีดิมิเตอร์ผู้เป็นมารดาก็มีความยินดีมาก ยามที่เทพีแห่งพืชพันธุ์ยินดี ผืนดินที่อับเฉาก็จะชดชื่นเขียวขจีด้วยพืชพันธุ์
แต่ยามใดที่เพอร์ซิโฟนีกลับลงไปอยู่ยมโลก เทพีดิมิเตอร์ก็เงียบเหงา พลอยทำให้ผืนดินอับเฉา พืชพันธุ์แห้งเหี่ยวไปตามๆ กัน
เมื่อเทียบกับน้องอีก 2 องค์ คือ โพไซดอน และซูส ฮาเดสถือว่าเป็นเทพที่ซื่อสัตย์ต่อชายามาก เพราะพระองค์แม้จะเคยนอกใจชายา แต่ก็เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งเทพฮาเดสไปหลงเสน่ห์นางอัปสรชื่อว่า มินธี (Minthe) เทพีดีมิเตอร์ผู้เป็นแม่ยายก็โกรธแค้นที่ฮาเดสคิดนอกใจธิดาของนาง เทพีดีมิเตอร์พิโรธโกรธเกรี้ยวจนกระทั่งไล่กระทืบมินธีนางอัปสรผู้น่าสงสารตายคาบาทของพระนาง
เทพโลกันต์ฮาเดสสงสารนางอัปสรน้อยนั้น จึงเปลี่ยนร่างของนางให้กลายเป็นพืชชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอม และได้กลายเป็น พืชประจำพระองค์ตลอดมา
ชายาอีกคนของเทพฮาเดสเป็นพรายน้ำ ชื่อ เลอซี (Leuce) ธิดาของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางเลอซีบุญน้อยป่วยตายเสียก่อนที่จะถูกเทพีดีมิเตอร์ลงทัณฑ์
หลังจากที่นางเลอซีตายไปแล้วก็กลายร่างเป็นต้นพ็อปลาร์ขาว ซึ่งกลายเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีการลึกลับ ณ เมืองอีเลอซีส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น