วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

โพไซดอน(Posidon) เทพแห่งท้องทะเล

โพไซดอนเป็นโอรสองค์ที่ 5 ของเทพไททันโครนอส เป็นพี่ชายของซูสมหาเทพ เมื่อแรกกำเนิดถูกโครนอสเทพบิดากลืนลงท้องเพราะกลัวว่าเมื่อโตขึ้นจะมาโค่นอำนาจของตนเองตามคำสาปแช่งของอูรานอส เมื่อซูสรบชนะโครนอส ก็ให้มีทิสปรุงยาสำรอกให้โครนอสดื่ม โครนอสจึงสำรอกโพไซดอนและพี่ๆ อีก 4 องค์ออกมา ซึ่งตอนนั้นบรรดาเทพบุตรเทพธิดาที่อยู่ในท้องของโครนอสได้กลายเป็นหนุ่มสาวหมดแล้ว


หลังจากช่วยซูสให้ชนะศึกไททันแล้ว ซูสก็ได้แบ่งอำนาจให้ฮาเดสพี่ชายองค์โตลงไปปกครองขุมนรก ให้โพไซดอนปกครองทะเล แม่น้ำ และลำธาร ส่วนโอเชียนัสผู้ปกครองทะเลเดิมให้คงเหลืออำนาจในการปกครองมหาสมุทรรอบนอกที่เป็นห้วงน้ำใหญ่ไหลวนรอบโลก
โพไซดอนนั้นมีอำนาจในการควบคุมพายุและความสงบในท้องทะเล มีพาหนะเป็นราชรถทองคำเทียมม้าเนรมิตตัวใหญ่ มีอาวุธเป็นตรีศูลที่ยักษ์ไซคลอปส์สร้างให้เมื่อคราวรบในศึกไททัน
โพไซดอนมีปราสาทอยู่ใต้ทะเล เมื่อยามที่จะขึ้นมาตรวจตราผืนน้ำ ทะเลก็จะแหวกเป็นช่องให้ราชรถทองโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เมื่อยามท่องทะเลธรรมดา ผืนน้ำก็เงียบสงบปราศจากคลื่นลม แต่หากโพไซดอนขยับตรีศูลเมื่อใด ผืนน้ำนั้นก็จะปั่นป่วนกลายเป็นทะเลบ้าไปทันที โพไซดอนจึงเป็นเทพแห่งทะเล เรียกว่า โพไซดอนเจ้าสมุทร แต่บางครั้งก็เรียกว่า เทพผู้เขย่าโลก
บริวารภายใต้การปกครองของโพไซดอนที่สำคัญ คือ เนเรอุส ผู้เฒ่าแห่งทะเล และกลุ่มนางอัปสรเนอรีด 50 นาง ธิดาของเฒ่าเนเรอุส ผู้ซึ่งชอบไปรำนวยนาดอยู่บนยอดคลื่นในท้องทะเล และยังมีหมู่เทพที่เรียกว่า ตรีตอนส์ ที่ชอบนั่งเป่าปี่อยู่บนคลื่น


โพไซดอนหลงรักนางอัปสรคนหนึ่งชื่อ ธีทิส แต่เมื่อเทพไททันทีมิสพยากรณ์ว่าลูกชายของธีทิสคนหนึ่งจะเก่งและยิ่งใหญ่กว่าพ่อ โพไซดอนคงจะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจึงไปเล็งหาหญิงอื่นแทน
โพไซดอนหันไปหานางอัปสรอีกคนชื่อว่า แอมฟิไทรต์ (Amphitrite) ธิดาของเทพแห่งธารเนเรอุส หลานของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางอัปสรแอมฟิไทรต์ก็หนีโพไซดอนไปอยู่ที่เขาแอตลาส
โพไซดอนส่งบริวารออกตามหาแอมฟิไทรต์ไปทั่ว ในที่สุดหัวหน้าฝูงปลาโลมาชื่อ เดลฟิน ก็พบตัวแอมฟิไทรต์ และพูดจาหว่านล้อมจนแอมฟิไทรต์ใจอ่อนยอมกลับมาแต่งงานกับโพไซดอน
แอมฟิไทรต์มีโอรสกับโพไซดอน 3 องค์ คือ ไทรทัน (Triton) โรดี (Rhode) และเบนธีซิคสิมี (Benthesicyme)
โพไซดอนเป็นเทพจอมเจ้าชู้อีกองค์หนึ่ง แต่โชคดีกว่าซูสตรงที่เทพีแอมฟิไทรต์ปล่อยให้สวามีเจ้าชู้กับสาวอื่นได้โดยไม่ตามหึงหวง ยกเว้นรายนางซิลลาเพียงรายเดียว


นางซิลลา (Seylla) เป็นนางไม้แสนสวยที่โพไซดอนหลงรักเธอหัวปักหัวปำจนเทพีแอมฟิไทรต์ทนไม่ได้ จึงแอบนำยาพิษไปโรยในสระน้ำที่นางซิลลาลงอาบประจำ ทำให้นางซิลลากลายร่างจากสาวงามเป็นนางอสูรร้าย 6 หัวที่น่าสะพรึงกลัวไปทันที นับว่าเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เทพีแอมฟิไทรต์ กระทำรุนแรงกับชายาน้อยของสวามี
อีกครั้งหนึ่งโพไซดอนเจ้าสมุทรเกิดไปหลงรักนางอัปสรบริวารเทพีอาธีนาชื่อ เมดูซา ซึ่งเมดูซาก็หลงไหลไฝ่ฝันโพไซดอนเป็นอันมาก โพไซดอนนั้นแปลงร่างเป็นม้ามาสมสู่กับเมดูซา แต่เทพีอาธีนานั้นเป็นเทพีพรหมจรรย์ นางอัปสรบริวารทั้งหมดก็รักษาพรหมจรรย์ เมื่อรู้ว่าเมดูซาไปสมสู่มีสามี เทพีอาธีนาจึงพิโรธมากสาปให้เมดูซากลายร่างจากนางอัปสรแสนสวยเป็นปิศาจผมงูที่น่าเกลียดน่ากลัว และหากใครมองหน้านางตรงๆ ร่างเขาก็จะกลายเป็นหินไปทันที
นางเมดูซาเมื่อถูกสาบให้กลายเป็นปิศาจร้ายไปแล้ว ก็ได้ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวอีกสองคนที่เกาะลึกลับแห่งหนึ่ง กลางทะเลตะวันตกที่สุดปลายพิภพ


แต่สุดท้ายนางเมดูซาก็ถูกเพอร์ซีอุส โอรสของมหาเทพซูสกับนางดาเน่ ฆ่าตัดหัวตามที่ได้รับมอบหมายภาระกิจนี้มาจากท้าวโพลิเดคทิส ระหว่างที่เมดูซาถูกตัดหัวนั้น เลือดที่กระเซ็นออกมาได้กลายเป็นม้าวิเศษสองตัว คือ ม้าคริสซาออร์ (Chrysaor) กับม้าเพกาซัส (Pegasus) ซึ่งม้าทั้งสองนี้ก็คือโอรสของโพไซดอนกับเมดูซานั่นเอง
ชายาอีกองค์หนึ่งของโพไซดอน คือ เทพีดีมิเตอร์
โพไซดอนนั้นหลงรักเทพีดีมิเตอร์มานาน แม้เทพีดีมิเตอร์จะมีธิดากับมหาเทพซูสจนโตเป็นสาวชื่อเพอร์ซีโฟนีแล้ว โพไซดอนก็ยังคงรักเทพีดีมิเตอร์อยู่
จนวันหนึ่งเมื่อเพอร์ซีโฟนีธิดาสาวของเทพีดีมิเตอร์ถูกฮาเดสเทพโลกันต์ลักพาตัวไปเป็นชายาในยมโลก ดีมิเตอร์ก็ทุกข์ทรมานด้วยความเป็นห่วงและเฝ้าตามหา แต่ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ เมื่อเป็นทุกข์หนักเข้าเทพีดีมิเตอร์จึงแปลงร่างเป็นม้าตัวเมียเพื่อหลบไปอยู่ตามลำพังไม่ให้ใครรบกวน
โพไซดอนได้ทีจึงแปลงร่างเป็นพ่อม้าไปสมสู่กับดีมิเตอร์ในร่างม้าตัวเมียจนได้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งเป็นนางไม้ชื่อเดสพีนา (Despoena) อีกคนเป็นม้าป่าชื่อแอเรียน (Arion)
ด้วยความที่เป็นเทพที่ทรงอิทธิฤทธิ์ 1 ใน 3 องค์ คือ ซูสเป็นใหญ่ในสวรรค์ ฮาเดสเป็นใหญ่ในยมโลก ส่วนโพไซดอนเป็นใหญ่บนท้องทะเล โพไซดอนจึงเคยมีความคิดที่จะครองความเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวแทนน้องชาย เมื่อพระนางเฮร่ามาชวนยึดอำนาจจากซูส โพไซดอนจึงร่วมมือด้วย แต่สุดท้ายการโค่นอำนาจซูสล้มเหลว ซูสจึงให้โพไซดอนสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าจะไม่คิดกบฏอีก และลงโทษโดยส่งลงไปทำงานหนักรับใช้มนุษย์เป็นเวลา 1 ปี
ในขณะนั้นที่กรุงทรอย ท้าวเลือมมิดอน (Laomedon) เจ้าเมืองทรอยกำลังสร้างกำแพงเมืองใหญ่เอาไว้ป้องกันข้าศึก โพไซดอนจึงลงมาช่วยงาน ซึ่งท้าวเลือมมิดอนสัญญาว่าเสร็จงานแล้วจะให้ลูกโคท้องแรกทั้งหมดของกรุงทรอยเป็นรางวัล


ระหว่างนั้นเทพอพอลโล (Apollo) หลานของโพไซดอนซึ่งถูกลงโทษจากสวรรค์เช่นกัน ก็ได้อาสาช่วยโพไซดอนสร้างกำแพงอีกแรงด้วย โดยวิธีดีดพิณให้หินเคลื่อนไปตามอำนาจของเสียงพิณอันไพเราะของอพอลโล งานที่แสนหนักและเหนื่อยจึงสำเร็จลงโดยเรียบร้อยและรวดเร็ว
แต่เสร็จงานแล้วท้าวเลือมมิดอนกลับทำเป็นลืมสัญญา
โพเซดอนโกรธมากจึงเนรมิตอสูรร้ายขึ้นมาจากทะเล เที่ยวไล่กินผู้คนชาวเมืองไปเป็นจำนวนมาก ต้องแก้ไขโดยการส่งสาวพรหมจารีไปผูกไว้กับโขดหินริมทะเลเพื่อเป็นอาหารอสูรกาย ซึ่งเมื่ออสูรกายกินหญิงสาวพรหมจารีไปแล้วก็จะหายไปเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงกลับขึ้นมาอาละวาดอีก ชาวเมืองจึงต้องทำการพลีหญิงสาวพรหมจารีให้อสูรกายทุกๆ ปี
ผ่านไปปีแล้วปีเล่าที่ทรอยต้องสูญเสียหญิงสาวพรหมจารีเป็นอาหารสังเวยให้อสูรร้าย ในที่สุดก็ถึงคราวที่ เฮอร์ไซโอนี ธิดาสาวท้าวเลือมมิดอนต้องเป็นเหยื่อสังเวย
ท้าวเลือมมิดอนหวังจะช่วยชีวิตราชธิดา จึงประกาศให้รางวัลอย่างงามแก่ผู้ที่สามารถฆ่าอสูรกายร้ายลงได้
ในขณะนั้น เฮอร์คิวลิส  ผ่านมาได้ยินข่าว จึงอาสาฆ่าสัตว์ร้ายและช่วยนางฮีไซโอนีไว้ได้ แต่ท้าวเลือมมิดอนยังไม่เลิกนิสัยเดิมและเพิกเฉยต่อสัญญาที่ไห้ไว้กับเฮอร์คิวลิสอีก เป็นเหตุให้เฮอร์คิวลิสผูกใจเจ็บ และได้กลับย้อนมาตีกรุงทรอยในภายหลัง
ส่วนโพไซดอนนั้นก็ยังคงโกรธแค้นท้าวเลือมมิดอนและชาวกรุงทรอยเรื่อยมา เมื่อเกิดสงครามกรุงทรอย โพไซดอนก็ไปช่วยกองทัพกรีกซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม
โพไซดอนเคยแย่งชิงสิทธิในการตั้งชื่อและเป็นเทพผู้รักษาเมืองใหม่แห่งหนึ่งกับเทพีอาธีนา มหาเทพซูสให้โพไซดอนและเทพีอาธีนาเนรมิตสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เมืองใหม่ หากสิ่งเนรมิตของใครมีประโยชน์มากกว่าก็จะได้สิทธิในเมืองใหม่นั้น
โพไซดอนเนรมิตน้ำทะเลให้พวยพุ่งเป็นน้ำพุเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ชาวเมือง ส่วนเทพีอาธีนาเนรมิตเพียงต้นมะกอกต้นเดียว
เหล่าเทพและเทพีต่างโต้เถียงกันว่าระหว่างน้ำพุกับต้นมะกอก อย่างไหนจะให้ประโยชน์แก่ชาวเมืองมากกว่ากัน


ฝ่ายที่เข้าข้างโพไซดอนก็ว่าน้ำพุนั้นมีประโยชน์กว่า อีกทั้งน่าอัศจรรย์ในความสวยงามและความแรงของสายน้ำ ไม่เหมือนต้นมะกอกที่ไม่เห็นมีค่าอันใด
ส่วยฝ่ายที่เข้าข้างเทพีอาธีนาก็แย้งว่าน้ำพุนั้นสวยงามก็จริง แต่มีรสเค็ม ไม่อาจสร้างประโยชน์อันใดได้ ส่วนต้นมะกอกนั้นมีประโยชน์ทั้งผลที่กินได้ ให้น้ำมัน และกิ่งก้านใช้ทำฟืนในฤดูหนาว
ผลการตัดสินของเหล่าเทพบุตรและเทพธิดาปรากฎว่าเทพบุตรเลือกน้ำพุของโพไซดอน ส่วนเทพธิดาเลือกต้นมะกอกของเทพีอาธีนา และเนื่องจากเทพธิดามีจำนวนมากกว่าเทพบุตรอยู่ 1 องค์ ต้นมะกอกของเทพีอาธีนาจึงชนะการแข่งขัน
เทพีอาธีนาตั้งชื่อเมืองใหม่นั้นว่ากรุงเอเธนส์ และต้นมะกอกก็กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งกรุงเอเธนส์นับแต่นั้นมา
เวลาโพไซดอนเดินทางไปไหน บุตรชายของโพไซดอนชื่อไทรทันผู้มีร่างเป็นมนุษย์แต่ท่อนร่างเป็นปลา มักจะนำหน้าไปเสมอ และมีหน้าที่คอยเป่าหอยประกาศให้รู้ถึงการมาของโพไซดอน  

2 ความคิดเห็น:

  1. อยากรู้ว่าเพอร์ชีย์ แจ็กสัน เป็นใครกันแน่ หรือไม่มีตัวตนอยู่ในตำนาน ค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เพอร์ซีย์เป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาค่ะ

      ลบ