วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ซูส(Zeus) ราชาแห่งทวยเทพ

เมื่อซูสยึดอำนาจจากโครนัสได้สำเร็จ ซูสก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจอมเทพแห่งสวรรค์โอลิมปัส โดยมีพี่ๆ ที่สำรอกออกมาจากท้องโครนัสเป็นกำลังสนับสนุน
ฝ่ายโครนอสเมื่อถูกขับไล่ออกจากสวรรค์โอลิมปัสก็ไปรวบรวมกำลังกลับมาทวงอำนาจคืนจากซูส กองกำลังฝ่ายโครนอสประกอบด้วยเทพบุตรไททัน คือ ซีอัส ครีอัส ไฮเพอร์เรียน และไอแอพิทัส ส่วนโอเชียนัสกับเทพธิดาไททันที่เหลือวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด นอกจากนี้โครนอสก็ยังมีหลานๆ มาเป็นกำลังสนับสนุนในการศึกนี้ด้วย ที่เป็นจอมทัพคนสำคัญ คือ แอตลาส โอรสของไอแอพิทัสกับคลีมีน




สงครามแย่งชิงบัลลังก์สวรรค์เป็นไปอย่างดุเดือดยาวนานถึง 10 ปี ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ ในที่สุดจอมมารดาไกอาก็พยากรณ์ว่าหากต้องการชัยชนะ ซูสจะต้องใช้อาวุธที่ทรงประสิทธิภาพจากตรุทาร์ทารัส
ซูสเชื่อคำพยากรณ์ จึงลงไปยมโลก ขอให้ไซคลอปส์ยักษ์ตาเดียวทำอาวุธให้แลกกับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากตรุทาร์ทารัส ยักษ์ไซคลอปส์จึงผลิตสายฟ้ามอบให้ซูสใช้เป็นอาวุธ สร้างตรีศูลให้โปไซดอน และทำหมวกล่องหนให้ฮาร์เดส จากนั้นซูสก็พายักษ์ไซคลอปส์และยักษ์ 50 หัวจากตรุทาร์ทารัสมาเป็นพวกต่อสู้กับฝ่ายโครนัส
ด้วยอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพของเทพทั้งสาม ในที่สุดซูสก็จับโครนอสได้ และพวกไททันบริวารก็ยอมแพ้ศิโรราบ
ซูสลงโทษโครนอสและบริวารโดยการเนรเทศน์โครนอสให้ไปอยู่เกาะกลางทะเล ซึ่งต่อมาโครนอสก็สามารถหนีออกจากเกาะนั้นได้และไปอาศัยอยู่ที่เฮสเพอเรียซึ่งก็คือดินแดนอิตาลีในปัจจุบันอย่างสงบ แอตลาสถูกลงโทษให้เป็นผู้แบกสวรรค์ไว้บนบ่า ส่วนผู้สนับสนุนอื่นๆ ก็ถูกจับไปขังในตรุทาร์ทารัส
เสร็จศึกครั้งนี้ซูสก็แบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน คือ ตัวซูสเองปกครองสวรรค์และพิภพ ฮาเดสปกครองขุมนรกและบาดาล ส่วนโพไซดอนปกครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเหลือมหาสมุทรรอบนอกให้โอเชียนัสปกครองต่อไป
ส่วนยักษ์ไซคลอปส์ก็ช่วยสร้างพระราชวังที่โอ่โถงสง่างามบนยอดเขาโอลิมปัสมอบให้ซูสจอมเทพ พระราชวังนี้อยู่สูงเหนือเมฆ และสามารถมองได้ไกลรอบด้าน จอมเทพซูสจึงสามารถมองเหตุการณ์ต่างๆ บนโลกมนุษย์ได้จากพระราชวังแห่งนี้
เมื่อสงครามสงบ ซูสซึ่งมีความพึงพอใจในตัวมีทิสเทพธิดาไททันที่มาช่วยทำยาสำรอกให้โครนอสดื่มก็คอยเฝ้าตามตื้อมีทิสไปทุกแห่ง หวังจะได้นางเป็นชายา ฝ่ายมีทิสนั้นก็พยายามหลีกหนีโดยแปลงร่างไปต่างๆ นานา แต่ซูสก็ยังติดตามไปไม่ห่าง
ในที่สุดมีทิสก็ยอมแพ้ความพยายามของซูสและยอมรับซูสเป็นสวามีจนตั้งครรภ์ขึ้น แต่จอมมารดาไกอากลับพยากรณ์ว่าหากมีทิสมีโอรส โอรสนั้นจะโค่นอำนาจของซูส ด้วยความเกรงกลัวคำพยากรณ์ซูสจึงจับมีทิสกลืนลงท้องไป
ต่อมาไม่นานซูสก็มีอาการปวดหัวจนทนไม่ไหวต้องผ่าหัวออก จึงปรากฎร่างของเทพีอาธีนาในชุดนักรบเดินออกมาจากหัวของซูส เทพีอาธีนานี้เป็นธิดาของซูสกับมีทิส เป็นเทพีแห่งสติปัญญา และมักจะอยู่ใกล้ๆ ซูสเพื่อให้คำแนะนำซูสตลอดมา
เมื่อสิ้นมีทิสไปแล้ว ซูสก็เจ้าชู้มีชายาไปทั่ว แต่ที่หมายมั่นปั้นมือมากที่สุดก็คือเทพธิดาเฮร่าพี่สาวสุดสวย ฝ่ายเฮร่าก็เอาแต่หนีด้วยกลัวความเจ้าชู้ของน้องชายจนซูสไม่อาจเข้าใกล้ตัวเฮร่าได้ ซูสจึงใช้แผนแปลงร่างเป็นนกน้อยบินฝ่าสายฝนไปตกตรงหน้าเฮร่า
เฮร่าเห็นนกน้อยที่น่าสงสารบินหมดแรงมาตกตรงหน้า เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาว นางจึงโอบอุ้มนกน้อยนั้นไว้แนบออกเพื่อให้ไออุ่น ซูสได้ทีก็แปลงร่างกลับเป็นจอมเทพและกอดเฮร่าไว้จนนางไม่อาจหนีได้อีกต่อไป
ด้วยอุบายของซูสทำให้เฮร่ารู้สึกอับอายจึงยินยอมอภิเษกกับซูสหลังจากที่หลีกหนีซูสมาได้ถึง 300 ปี และเฮร่าก็อยู่ช่วยซูสปกครองสวรรค์ที่เขาโอลิมปัสตลอดมา
พระนางเฮร่าให้กำเนิดโอรสธิดากับซูส คือ ฮีบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) และแอรีส (Ares) และด้วยอารมณ์โกรธที่เห็นซูสให้กำเนิดเทพีอาธีนาจากศีรษะ พระนางเฮร่าก็ให้กำเนิดโอรสโดยไม่พึ่งพาซูสบ้าง โอรสองค์นั้นคือ เฮเฟตัส
ด้านการปกครองสวรรค์ในยุคแรกนั้น ซูสถูกท้าทายอำนาจอีกหลายครั้ง




เริ่มจากจอมมารดาไกอาที่มีความไม่พอใจซูส เนื่องจากซูสจับไททันซึ่งเป็นโอรสและธิดาของจอมมารดาไกอาหลายองค์ไปขังไว้ในตรุทาร์ทารัส จอมมารดาไกอาจึงเนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เรียกว่า ไทฟอน (Typhon) เป็นอสูรที่ดุร้ายและมีร่างกายประหลาดน่ากลัวมาก คือ มีหัวเป็นมังกรนับร้อยหัวที่ยาวเกือบจะถึงดวงดาว มีเปลวไฟพิษพวยพุ่งออกจากดวงตา มีลาวาไหลออกจากปาก แผดเสียงก้องกัมปนาทตลอดเวลาดังกว่าราชสีห์คำรามพร้อมกันเป็นร้อยตัว มันหักยอดเขาขว้างใส่เหล่าทวยเทพจนเทพทั้งหลายต่างตกใจพากันหนีเตลิดจากเขาโอลิมปัสไปหลบซ่อนตัวกันจ้าละหวั่น และด้วยความที่กลัวว่าอสูรจะตามทัน เทพเหล่านั้นยังจำแลงองค์เป็นสัตว์นานาชนิดด้วยเพื่อมิให้อสูรจำได้ เช่น ซูสจำแลงร่างเป็นแกะ เฮร่าจำแลงร่างเป็นโค เป็นต้น
แต่เทพีแห่งสติปัญญาอาธีนาได้กล่าววาจาเตือนสติซูสจนซูสเกิดความละอายจึงกลับคืนสู่เขาโอลิมปัสอีกครั้งเพื่อหาทางปราบอสูรไทฟอน ส่วนเทพอื่นๆ เมื่อได้สติก็กลับมาช่วยซูสต่อสู้กับไทฟอน
ซูสใช้สายฟ้าอาวุธประจำตัวต่อสู้กับอสูรไทฟอนอย่างดุเดือด จนยากที่จะมีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ได้หากเข้าไปใกล้บริเวณสู้รบ การสู้รบดำเนินไปเป็นเวลานาน ไทฟอนหันไปหักยอดเขาเอตนามาขว้างใส่ซูส แต่ซูสก็ใช้สายฟ้าฟาดยอดเขาเอตนาลอยละลิ่วกลับมาทับอสูรไทฟอนไว้ใต้เขาจนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก ซูสจึงได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งนี้ ส่วนไทฟอนก็ยังคงถูกทับอยู่ใต้เขา และมันยังคงพยายามพ่นไฟ พ่นลาวา ออกมาอยู่บ่อยๆ
ต่อมาไม่นานนัก จอมมารดาไกอาก็เนรมิตยักษ์ร้ายชื่อเอนเซลาดัส (Enceladus) มาต่อสู้กับซูสอีก แต่ซูสก็สามารถจับยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสไว้ได้ ซูสจับเอนซาลาดัสล่ามโซ่และขึงพืดไว้ใต้ภูเขาเอตนา เอนเซลาดัสคำรนคำรามแผดเสียงกึกก้องอยู่ใต้เขาเอตนาบางทีก็พ่นไฟขึ้นหวังจะทำอันตรายซูส ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเอนเซลาดัสก็เริ่มอ่อนแรงจึงหยุดสำแดงฤทธิ์อาละวาด เพียงแต่ขยับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อทั้งอสูรไทฟอนและยักษ์ร้ายเอนเซลาดัสพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จอมมารดาไกอาก็เลิกคิดจะเนรมิตสัตว์ร้ายใดๆ มาทำร้ายซูสอีก สรวงสวรรค์จึงสงบขึ้น




 
แต่สงครามสั่นบัลลังก์อำนาจของซูสยังมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เกิดจากพี่น้องของตนเอง โดยมีมเหสีเฮร่าเป็นผู้นำกบฏ
เนื่องจากซูสขึ้นครองตำแหน่งจอมเทพตั้งแต่วัยหนุ่ม ด้วยนิสัยใจร้อน หุนหันพลันแล่น และเอาแต่ใจ เทพองค์อื่นๆ รู้สึกไม่พอใจจึงวางแผนโค่นอำนาจซูส แผนก่อการครั้งนี้นำโดยเทพีเฮร่าผู้เป็นมเหสี โพไซดอน เฮอร์มีส และเทพีอาธีนา โดยเทพีเฮร่านั้นคิดก่อการโค่นอำนาจซูสส่วนหนึ่งมาจากเพราะเบื่อกับความเจ้าชู้ของซูสด้วย
เทพีเฮร่าลงมือมอมยาให้ซูสหลับ จากนั้นเทพกบฏก็เข้ามาจับซูสมัดไว้กับรถม้าด้วยเชือกหนัง และยึดสายฟ้าอาวุธของซูสไว้ด้วย เมื่อซูสได้สติก็ไม่สามารถแก้มัดเชือกหนังนั้นได้เพราะเทพกบฏผูกปมไว้ถึง 100 ปม
ระหว่างที่เหล่าเทพหารือกันว่าจะให้ใครขึ้นเป็นจอมเทพแทนซูส ธีทิสเทพีไททันผู้เป็นชายาองค์หนึ่งของซูสก็ได้เรียกเบรียรูสยักษ์ 50 หัว ให้มาช่วย เบรียรูสใช้มือ 100 มือแก้ปมเชือกทั้ง 100 ปมออกได้อย่างรวดเร็ว พอซูสเป็นอิสระก็สามารถแย่งสายฟ้ากลับคืนมาได้
เมื่ออาวุธสายฟ้าอันทรงอานุภาพกลับมาอยู่ในมือซูส เหล่าเทพกบฏต่างก็คุกเข่าขออภัยโทษต่อมหาเทพ
ซูสให้โพไซดอนและเฮอร์มีสสาบานว่าจะไม่คิดคดทรยศอีก จากนั้นก็ลงโทษสถานเบาให้ลงไปช่วยงานมนุษย์เป็นเวลา 1 ปี
สำหรับเทพีอาธีนานั้น ซูสไม่ได้ลงโทษ ด้วยเทพีอาธีนานั้นไม่ได้เต็มใจจะเข้ากับกลุ่มกบฏ




ส่วนมเหสีเฮร่าในฐานะผู้นำกบฏถูกลงโทษหนักโดยจอมเทพจับมัดด้วยสายเงินที่ข้อเท้า แขวนนางไว้กับขื่อสวรรค์ และเอาทั่งเหล็กมาถ่วงไว้ด้วย เฮเฟตัสพระโอรสพยายามเข้าช่วยเหลือพระมารดา จึงถูกซูสจับโยนตกลงมาจากสวรรค์ทำให้ขาหักกลายเป็นเทพพิการไป
การลงโทษโดยการแขวนนี้เจ็บปวดทรมานมากจนพระนางเฮร่าทนไม่ไหวร้องไห้คร่ำครวญตลอดทิวาและราตรีแต่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าช่วยเหลือ แต่ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 4 วัน มหาเทพไม่ได้หลับได้นอนเพราะเสียงร้องคร่ำครวญของมเหสี พระองค์จึงบอกให้นางสาบานว่าต่อไปจะไม่คิดโค่นบัลลังก์ของพระองค์อีก พระนางเฮร่าไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นจึงยอมสาบาน มหาเทพจึงยุติการลงโทษนางและรับกลับเป็นมเหสีเช่นเดิม
วันเวลาผ่านไป เมื่อซูสเติบใหญ่ขึ้นนิสัยมุทะลุวู่วาม เอาแต่ใจก็ลดน้อยลง กลายเป็นมหาเทพที่ฉลาดและสามารถปกครองสามโลกได้อย่างเที่ยงธรรม และปล่อยบรรดาไทแทนออกมาจากตรุทาร์ทารัสด้วย
ซูสนั้นได้ชื่อว่าเป็นมหาเทพจอมเจ้าชู้ เป็นหนึ่งในเรื่องรัก แม้จะมีมเหสีที่มีความงามเป็นหนึ่งในสวรรค์อย่างเทพีเฮร่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่วายไปมีสัมพันธ์กับเทพธิดาและมนุษย์อื่นๆ อีกหลายคนจนเทพีเฮร่าต้องตามหึงหวงไม่ได้หยุด
วีรกรรมความเจ้าชู้ของซูสกับบรรดาเทพธิดาบนสวรรค์ รวมทั้งสาวๆ เมืองมนุษย์นั้นมีมากมาย เช่น มีทิส
มีทิสเป็นชายาองค์แรกของซูส เป็นธิดาของเทพไททันโอเชียนัสกับธีทิส แต่มีทิสก็ถูกซูสกลืนกินเมื่อพระนางเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากซูสกลัวคำพยากรณ์ของจอมมารดาไกอาว่านางจะให้กำเนิดโอรสที่มาโค่นบัลลังก์ แต่หลังจากกลืนมีทิสลงท้องไปแล้ว ซูสก็ยังให้กำเนิดธิดากับมีทิสได้โดยต้องผ่าออกมาจากพระเศียรของซูส ธิดาองค์นั้นก็คือ เทพีอาธีนา เทพีครองปัญญานั่นเอง ธีมิส
ชายาองค์ที่สองของซูสเป็นเทพธิดาไททันอีกเช่นกัน คือ ธีมิส ธีมิสมีธิดากับซูสเป็นเทพธิดาแห่งฤดูกาล 3 องค์ คือ ยูโนเนีย ไดซ์ และอีริน รวมเรียกว่า ซีซัน (Season) และเทพธิดาแห่งโชคชะตาอีก 3 องค์ คือ โคลธโธ แลซซิซิส และแอตโทรพอส รวมเรียกว่าเฟท (Fates) เทพธิดา 3 องค์นี้รูปร่างเป็นหญิงชรา ต่อมาทั้งสามพี่น้องก็ได้ลงไปอยู่ยมโลกกับเทพฮาเดส ทำหน้าที่กำหนดโชคชะตาของมนุษย์ โดยคนเล็กปั่นฝ้ายให้ชีวิต คนกลางฟั่นเป็นเชือกทำให้ชีวิตมั่นคง และคนโตตัดเชือกทำลายชีวิตให้สิ้นลง ยูรินโนม
ชายาองค์ที่สามของซูสเป็นธิดาของโอเชียนัสกับธีทิส ชื่อ ยูรินโนม (Eurynome) ให้กำเนิดเทพอัปสรที่เรียกว่าเกรซ 3 องค์ คือ อกลาเอีย (Aglaia) ยูโฟรซีน (Euphrosyne) และเธลเลีย (Thalia) เกรซนี้เป็นเทพอัปสรคุ้มครองพันธุ์ไม้ ซึ่งต่อมาเทพธิดาทั้งสามก็ไปเป็นเทพอัปสรรับใช้เทพีอโฟรไดต์และมีหน้าที่สร้างความบันเทิงบนสวรรค์โอลิมปัสร่วมกลุ่มกับมิวส์ ดีมิเตอร์
ชายาองค์ที่สี่ของซูสคือเทพีแห่งพืชพันธุ์ ดีมิเตอร์ พี่สาวของซูสเอง และดีมิเตอร์ก็ให้กำเนิดเทพธิดาชื่อเพอร์ซิโฟนี เทพีฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งต่อมาฮาเดสได้มาลักพานางลงไปเป็นชายาในยมโลก เนเมซิส
ชายาองค์ที่ห้าของซูสคือเทพธิดาไททัน เนเมซิส ชายาองค์นี้มีที่มาคือเมื่อครั้งที่ซูสเอาชนะศึกไททันได้แล้ว ทวยเทพก็หารือกันว่าควรจะมีวิธีการเฉลิมฉลองชัยชนะให้ยิ่งใหญ่ ซูสกับเนเมซิสจึงได้อยู่ร่วมกันเป็นเวลา 9 คืน เพื่อให้กำเนิดคณะศิลปเทวีเรียกว่ามิวส์ 9 องค์ เทพอัปสรทั้ง 9 องค์นี้มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปการละครและการแสดงต่างๆ มีหน้าที่สร้างความอภิรมย์ให้บรรดาเทพในโอลิมปัส และผลงานชิ้นแรกของมิวเซสก็คือการแต่งเพลงฉลองที่เหล่าเทพมีชัยในศึกไททัน
รายชื่อของมิวส์ทั้งเก้า คือ
ไคลโอ (Clio) เทวีประวัติศาสตร์
ยูเรเนีย (Urania) เทวีดาราศาสตร์
เมลโพมีนี (Melpomene) เทวีเรื่องโศกนาฏกรรม
ธาเลีย (Thalia) เทวีเรื่องสรวล
เทิร์ปซิโครี (Terpsichore) เทวีการฟ้อนรำ
คัลลิโอพี (Colliope) เทวีบทกวีเรื่อง
เออราโต (Erato) เทวีบทกวีรัก
ยูเทอร์พี (Euterpe) เทวีบทกวีร้อง
โพลิฮิมเนีย (Polyhymnis) เทวีบทกวีร่ายอาศิรพจน์ (คำอวยพร) ลีโต
ชายาองค์ที่หกของซูส คือ ลีโต ธิดาของไททันซีอัสกับฟีบี
ความสัมพันธ์ของซูสกับนางลีโตนี้คงเป็นไปแบบลับๆ เพราะเมื่อนางลีโตเริ่มตั้งครรภ์ซูสก็เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนางเฮร่า
พระนางเฮร่าเริ่มบทมเหสีขี้หึงกับลีโต โดยการขับไล่ลีโตลงจากสวรรค์ แถมยังส่งงูร้ายชื่อ ไพธอน ตามไล่ล่าอีก ซูสก็ได้แต่บอกให้เทพแห่งลมเหนือช่วยพัดหอบพาลีโตหนีงูร้ายจนสุดแผ่นดิน
สุดท้ายลีโตก็ตัดสินใจหนีลงทะเลทั้งที่มีครรภ์ใกล้คลอดเพื่อให้พ้นจากงูร้าย
เทพสมุทรโพไซดอนเห็นก็สงสาร จึงเนรมิตเกาะให้เป็นที่อยู่อาศัย ชื่อว่า เกาะดีลอส
ณ ที่นั้น ลีโตได้ให้กำเนิดโอรสและธิดาแฝด คือ อพอลโล เทพสุริยัน กับอาร์เทมีส เทพธิดาจันทรา โดยอพอลโลนั้นเกิดก่อนอาร์เทมีส 9 วัน
และหลังจากเทพอพอลโลประสูติได้ 4 วัน เขาก็สามารถฆ่างูร้ายไพธอนลงได้ ทำให้ลีโตปลอดภัยจากความขี้หึงของพระนางเฮร่าตั้งแต่บัดนั้น ไมอา
ชายาองค์ที่เจ็ดคือ ไมอา (Maia) ธิดาคนโตในจำนวนเจ็ดคนของแอตลาสกับนางพลีโอนี ไมอาเป็นคนสวย เรียบร้อย และขี้อาย อาศัยอยู่ในถ้ำไซลีนี แต่ซูสก็เห็นนางจนได้และลักลอบมาได้นางเป็นชายาจนให้กำเนิดโอรสชื่อ เฮอร์มีส
ไมอา กับ โอรสเฮอร์มีส ไม่ได้ถูกพระนางเฮร่าตามอิจฉาหรือกลั่นแกล้งเหมือนชายาองค์อื่น นอกจากนี้เมื่อชายาอีกคนหนึ่งของซูส คือ คัลลิสโต ถูกฆ่าตาย เฮอร์มีสก็ได้นำลูกชายของคัลลิสโตชื่อ อาร์คัส มาให้พระมารดาไมอาเลี้ยงดูด้วย เฮร่า
ชายาองค์ที่แปด คือ เทพีเฮร่า พระพี่นางของซูสเอง เป็นมเหสีของมหาเทพอย่างเป็นทางการ
เทพีเฮร่านั้นเป็นเทพีที่สวยมาก ถึงขั้นสวยที่สุด 1 ใน 3 ของบรรดาเทพีสวรรค์ สามเทพีสวรรค์ที่สวยที่สุดจนเทพทั้งหลายไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ประกอบด้วย เฮร่า อาธีนา และอโฟรไดต์
ซูสจึงตามจีบตามตื้อเทพีเฮร่าอยู่นานถึง 300 ปี ฝ่ายเทพีเฮร่าก็คอยหลีกหนีเพราะรู้ว่าซูสนั้นเจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง แต่ด้วยอุบายของซูสที่แปลงร่างเป็นนกบินฝ่าสายฝนที่พระองค์เนรมิตขึ้นมาเองบินมาตกตรงหน้าเทพีฮีราและทำท่าอ่อนแรงใกล้ตาย เทพีเฮร่าสงสารจึงจับนกขึ้นมากอดไว้แนบอก ซูสได้ทีแปลงร่างกลับเป็นมหาเทพและกอดรัดเทพีเฮร่าไว้จนดิ้นหนีไม่ออก เทพีเฮร่าจึงต้องยินยอมอภิเษกเป็นมเหสีของซูสในที่สุด
ในงานอภิเษกสมรสของซูสกับเฮร่านั้นเอง จอมมารดาไกอาได้มอบของขวัญให้แก่พระนางเฮร่าเป็นแอปเปิ้ลทองคำ 3 ผล ซึ่งพระนางก็นำไปเก็บไว้ในสวนส่วนพระองค์บนเขาแอตลาส แต่ต่อมาภายหลังเฮอร์คิวลิสก็มาโขมยไปหมดเป็น 1 ใน 12 ภาระกิจที่ยากยิ่งของเฮอร์คิวลิส ซึ่งที่มาของภาระกิจ 12 อย่างนั้นก็มีพระนางเฮร่านี้เองที่เป็นต้นเหตุ
พระนางเฮร่ามีโอรสธิดากับมหาเทพซูส 3 องค์ คือ ฮีบี้ (Hebe) อิลลิธธียา (Ilithyia) และแอรีส (Ares)
หลังอภิเษกสมรสแล้วซูสก็ยังไม่หายเจ้าชู้ ยังคงมีชายาน้อยเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมนุษย์เนื่องจากต้องหลบให้พ้นสายตาของพระนางเฮร่าที่ตามขัดขวางอยู่ตลอด พระนางเฮร่าที่เป็นเทพีแห่งการแต่งงานจึงมีภาพพจน์เป็นเทพีขี้อิจฉาหรือเทพีขี้หึงจากบทบาทที่ต้องตามราวีชายาน้อยๆ จำนวนมากของมหาเทพนั่นเอง นางแอลก์มีนี
นางแอลก์มีนีเป็นธิดาของท้าวอีเล็กไทรอน ผู้ครองนครอาร์กอส ครั้งเมื่อชนชาติป่าเถื่อนบุกนครอาร์กอส บรรดาโอรสของท้าวอีเล็กไทรอนออกศึกก็พ่ายแพ้กันหมด ท้าวอีเล็กไทรอนจึงขอให้หลานชายคือแอมฟริไทออนมาช่วยโดยสัญญาว่าหากชนะศึกพระองค์จะยกราชธิดาให้ ซึ่งแอมฟริไทรอนก็ยินดี ในที่สุดแอมฟริไทรอนกับนางแอลก์มีนีก็ได้แต่งงานกันหลังจากชนะศึก
แต่แอมฟริไทรอนหารู้ไม่ว่าระหว่างการออกศึกนั้น มหาเทพซูสได้แอบแปลงร่างเป็นตนเองตัดหน้ามาจู๋จี๋นางแอลก์มีนีไปเสียแล้ว ดังนั้นเมื่อนางแอลก์มีนีตั้งครรภ์แฝด ทารกในครรภ์นั้นจึงเป็นบุตรของแอมฟริไทรอนคนหนึ่ง กับเป็นบุตรของซูสอีกคนหนึ่ง
แต่ก่อนที่นางแอลก์มีนีจะคลอด พระนางเฮร่าก็รู้ว่าพระสวามีแอบมามีชายาลับอยู่บนโลกมนุษย์ พระนางจึงส่งเทวีลูซินาให้แปลงกายเป็นหญิงชรามานั่งขวางประตูไว้ทำให้นางแอลก์มีนีคลอดไม่ได้ ทุรนทุรายอยู่เป็นเวลานาน ดีที่บ่าวคนหนึ่งสังเกตเห็นจึงแกล้งบอกข่าวว่านางแอลก์มีนีคลอดแล้ว เทวีลูซินาเข้าใจผิดกลับไป นางแอลก์มีนีจึงสามารถประสูตรโอรสแฝดออกมาได้
โอรสแฝดนั้นคนหนึ่งคือ อิฟฟิคลีส เป็นโอรสของ แอมฟริไทรอน ส่วนอีกคนหนึ่งคือ เฮอร์คิวลิส เป็นโอรสของมหาเทพซูส ยูโรปา
นางยูโรปาเป็นธิดาท้าวอจีนอร์ (Agenor) กรุงฟินีเซีย ซึ่งเป็นบุตรของเทพโพเซดอนกับนางลิเบีย นอกจากยูโรปาแล้ว ท้าวอจีนอร์ยังมีบุตรอีก 3 คน มีนามตามลำดับว่า แคดมัส ฟินิกซ์ และซิลิกซ์
วันหนึ่งยูโรปากับบริวารสาวๆ ไปเที่ยวเก็บดอกไม้อยู่ริมทะเล บังเอิญซูสมองเห็นเข้าก็อยากได้เป็นชายา ซูสจึงแปลงร่างเป็นโคเผือกลักษณะพ่วงพีตัวหนึ่งเดินเยื้องกรายมาหลอกล่อยูโรปา ยูโรปาเห็นโคเผือกนั้นดูเชื่องจึงเดินเข้าไปลูบหลังลูบไหล่ ฝ่ายโคเผือกก็ทำเป็นคู้เข่าเชิญชวนให้ยูโรปาขึ้นขี่หลัง พอยูโรปาขึ้นขี่หลังโคนั้นก็เผ่นโผนโจนทะยานออกสู่ทะเลในทันที
โคเผือกแปลงวิ่งตะบึงบนผิวน้ำ พายูโรปาไปเกาะครีต
ซูสอยู่กับยูโรปาชายาน้อยบนเกาะครีตจนมีโอรสด้วยกัน 3 องค์ ชื่อ ราดาแมนทีส ไมนอส และซาร์พีดอน ซึ่งต่อมาไมนอสได้ปกครองเกาะกรีต ส่วนซาร์พีดอนเสียชีวิตในสงครามกรุงทรอย
เมื่อสิ้นชีวิตแล้วท้าวไมนอสกับราดาแมนทีสได้ไปทำหน้าที่เป็นตุลาการอยู่ในยมโลก ซีมิลี
เรื่องราวของนางซีมิลีนั้นต่อเนื่องจากเรื่องราวของยูโรปา คือ
เมื่อยูโรปาหายตัวไป ท้าวอจีนอร์ก็ให้โอรสทั้งสาม คือ แคดมัส ฟินิกซ์ และซิลิกซ์ ออกติดตามหายูโรปาโดยสั่งว่าถ้าไม่พบก็ไม่ต้องกลับมา โดยงานนี้พระมารดาของทั้งสามก็ขอติดตามไปด้วย
ทั้งสี่คนออกติดตามหายูโรปา แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีแม้แต่ข่าวคราว
ฟินิกส์เป็นคนแรกที่หมดความพยายาม พอพบถิ่นฐานที่อุดมสมบูรณ์ก็หยุดตั้งหลักปักฐาน
ซิลิกซ์เป็นคนที่สองที่เลิกตามหายูโรปา และหยุดตั้งหลักในที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง
ต่อมาพระมารดาก็หมดแรงตามต่อไปไม่ไหว และได้สั่งให้แคดมัสออกติดตามต่อไปก่อนที่พระนางจะสิ้นใจ
แคดมัสติดตามหายูโรปาต่อไป จนวันหนึ่งเขาก็มาถึงวิหารเดลฟี ซึ่งเป็นที่บูชาเทพอพอลโล แคดมัสได้เสี่ยงทายกับเทพอพอลโล แต่คำทำนายที่ได้ไม่ทำให้แคดมัสได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด เพราะคำทำนายนั้นบอกว่าให้แคดมัสเดินตามโคตัวหนึ่งไป เมื่อโคหยุดก็ให้แคดมัสตั้งบ้านเมืองที่นั่น
แคดมัสทำตามคำพยากรณ์นั้น เขาได้สร้างเมืองขึ้นชื่อว่า ธีบส์ และซูสมหาเทพได้ประทานนางเฮอร์ไมโอนี ธิดาของเทพแอรีสกับอโฟรไดทีมาให้เป็นชายา
แคดมัสกับเฮอร์ไมโอนี มีธิดา 4 คน คือ ซีมิลี ไอโน ออโทโนอี และอเกวี
ซีมิลีนั้นมีความสวยงามต้องตามหาเทพซูส จนซูสลักลอบหนีพระนางเฮร่าแปลงร่างเป็นมนุษย์มาได้นางเป็นชายาอยู่บ่อยๆ แต่ความลับไม่มีในโลก ในที่สุดพระนางเฮร่าก็รู้เรื่องจนได้
พระนางเฮร่าได้แปลงองค์เป็นพี่เลี้ยงชราของซีมิลี และแกล้งซักถามซีมิลีว่าคนรักของนางเป็นใคร ซึ่งซีมิลีก็ตอบด้วยความซื่อว่าเป็นมหาเทพซูส
พระนางเฮร่าจึงยุให้นางซีมิลีขอดูองค์มหาเทพในร่างจริง และบอกว่าก่อนขอต้องให้มหาเทพสาบานกับแม่น้ำสติกซ์เสียก่อน
นางซีมิลีหลงเชื่อคำยุ เมื่อเจอหน้ามหาเทพจึงเอ่ยปากขอให้ซูสสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าพระองค์จะประทานสิ่งที่นางขออย่างหนึ่ง ซึ่งมหาเทพก็สาบาน จากนั้นนางซีมินีก็ขอดูร่างพระสวามีในร่างเทพ
มหาเทพซูสตกใจด้วยรู้ว่าหากพระองค์ปรากฎในร่างมหาเทพ นางซีมิลีจะทนรัศมีของพระองค์ไม่ได้และจะมอดไหม้เป็นจุนไป แต่เมื่อสาบานกับแม่น้ำสติกซ์แล้วมหาเทพก็ไม่อาจทวนคำสาบานได้
มหาเทพจำเป็นต้องปรากฎองค์ในร่างเทพ ซึ่งนางซีมิลีทนรัศมีของมหาเทพไม่ได้ก็มอดไหม้ตายไป และวิญญานก็ลงไปอยู่ยมโลก
ในขณะนั้น นางซีมิลีกำลังตั้งครรภ์อยู่ แม้จะช่วยนางซิมิลีไม่ได้ แต่มหาเทพซูสก็ช่วยทารกในครรภ์ได้โดยคว้าเอาทารกนั้นมาเก็บไว้ในเข่าของตนเอง ภายหลังทารกนี้ได้คลอดออกมาชื่อว่าไดโอนีซุส และเทพเฮอร์มีสได้รับเอาไดโอนีซุสนี้ไปให้นางอัปสรที่ทุ่งนีสาเลี้ยงไว้
ไดโอนีซุสเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ แต่หนักไปทางเทพมากกว่าจึงมีความเป็นอมตะดั่งเทพ แต่ก็ชอบเดินทางท่องเที่ยวบนผืนแผ่นดินดังเช่นมนุษย์
ไดโอนีซุสเป็นเทพแห่งเหล้าองุ่น และเป็นที่ยอมรับของพระนางเฮร่า เพราะเมื่อครั้งเฮเฟตัสทำเก้าอี้กลจับพระนางมัดติดเก้าอี้ไว้ เทพเฮอร์มีสไปเกลี้ยกล่อมก็ไม่สำเร็จ พอไดโอนีซุสไปเกลี้ยกล่อมบ้าง เฮเฟตัสก็ยินยอมปล่อยพระมารดา ตั้งแต่นั้นพระนางเฮร่าจึงยอมรับไดโอนีซุส
เนื่องจากไดโอนีซุสมีเชื้อสายมนุษย์ด้วย เมื่อครั้งต้องต่อสู้กับไททัน ไดโอนีซุสก็ถูกจับฉีกร่างจนเสียชีวิต วิญญานไดโอนีซุสล่องลอยลงไปในยมโลกและได้พบกับนางซิมิลีมารดา
ไดโอนีซุสจะพาซิมิลีขึ้นสวรรค์ แต่เทพฮาเดสไม่ยอม ทั้งสองจึงเถียงกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร ไดโอนีซุสบอกว่าตนเองเหนือกว่าเพราะตายได้ดั่งมนุษย์ แต่ฟื้นได้เพราะเป็นอมตะแบบเทพ เทพฮาเดสยอมแพ้ จึงยอมให้ไดโอนีซุสพามารดากลับไปได้
ไดโอนีซุสจึงพานางซิมิลีขึ้นไปอยู่บนโอลิมปัส จึงนับว่านางเป็นเพียงมนุษย์หนึ่งเดียวที่เป็นอมตะ และอยู่บนโอลิมปัสเช่นเดียวกับเหล่าเทพ ไอโอ
ไอโอ เป็นธิดาของท้าวอินนะคัสเจ้าเมืองอาร์กอสโอรสของเทพไททันโอเชียนัสกับเทวีธีทิส เมื่อโตขึ้นไอโอได้ทำหน้าที่เป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงเทพีเฮร่า
ซูสเห็นความงามของไอโอก็ลอบมาได้นางเป็นชายา และเพื่อปกปิดให้รอดพ้นสายตาของพระนางเฮร่า เวลาที่ซูสมาหาไอโอพระองค์ก็จะเนรมิตเมฆหมอกปกคลุมเอาไว้
แต่ความลับนี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ตลอด เพราะวันหนึ่งพระนางเฮร่าได้แอบติดตามซูสมาและเกิดสงสัยเมฆหมอกเนรมิตนั้น พระนางจึงใช้ฤทธิ์ขับไล่เมฆหมอกให้จางหายไป
ซูสต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการแปลงร่างไอโอให้กลายเป็นโคและบอกพระนางเฮร่าว่าพระองค์เนรมิตโคนี้ขึ้นเองจากก้อนดิน ซึ่งพระนางเฮร่ารู้ทันจึงเอ่ยปากขอโคจากพระสวามี ซูสจึงต้องจำใจมอบโคให้พระนางเฮร่าเพราะเกรงว่าความลับจะแตก
พระนางเฮร่าได้นำโคแปลงนั้นไปให้อาร์กัสผู้มีตาร้อยดวงเฝ้าไว้ป้องกันซูสมาพานางกลับไป แต่ซูสก็คิดหาทางแก้ไขได้โดยการให้เฮอร์มีสไปกำจัดอาร์กัสเสีย
เฮอร์มีสจำแลงกายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไปเป่าปี่ต้นอ้อและเล่านิทานให้อาร์กัสฟัง ซึ่งอาร์กัสก็เกิดความเคลิบเคลิ้มเผลอหลับไป เฮอร์เมสจึงฆ่าอาร์กัสตายและปลดปล่อยไอโอได้สำเร็จ พระนางเฮร่าจึงได้นำดวงตาของอาร์กัสไปติดไว้ที่หางนกยูงจนทำให้หางนกยูงมีลวดลายรูปดวงตาจนถึงทุกวันนี้
เคราะห์กรรมของไอโอยังไม่สิ้น เพราะพระนางเฮร่าได้ร่ายมนต์ป้องกันไม่ให้นางคืนร่างเป็นมนุษย์ แถมยังส่งเหลือบมากัดไอโอในร่างโคให้ทรมานอีกด้วย
ไอโอกระเซอะกระเซิงไปทั่ว ทั้งแถบทะเลไอโอเนีย ที่ราบอิลลิเรีย เขาฮีนัส ข้ามช่องแคบบอสฟอรัส
วันหนึ่งไอโอขึ้นไปถึงยอดเขาคอเคซัส ได้พบกับเทพโพรมีเธอุสที่ถูกซูสลงโทษจองจำอยู่บนหน้าผาเพราะเหตุขโมยไฟจากสวรรค์มาให้มนุษย์ใช้ โพรมีเธอุสได้ช่วยทำนายว่าไอโอจะคืนร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อเดินทางถึงแม่น้ำไนล์ ไอโอจึงดั้นด้นเดินทางต่อไปจนถึงแม่น้ำไนล์
ขณะเดียวกัน ซูสก็อ้อนวอนง้องอนเทพีเฮร่าจนพระนางใจอ่อนยอมคลายมนต์ให้ ไอโอจึงได้คืนร่างกลับเป็นคนที่แม่น้ำไนล์นั่นเอง
ณ ที่นั้น ไอโอได้ให้กำเนิดโอรสชื่อ เอพาฟัส ซึ่งต่อมาได้ตั้งนครที่มีชื่อเสียงในอียิปต์ ชื่อว่า นครเมมฟิส และเชื้อสายรุ่นที่ 11 ของเอพาฟัสคนหนึ่งเป็นวีรบุรุษคนสำคัญ ชื่อว่า เฮอร์คิวลิส ได้กลับมาช่วยปลดปล่อยโพรมีเธอุสให้เป็นอิสระได้ ไดโอนี
ไดโอนี เป็นธิดาของเอปิธิอุส เป็นชายาอีกองค์หนึ่งของซูส
ตำนานของไดโอนีค่อนข้างสับสน ชาวกรีกโบราณนับถือว่าไดโอนีเป็นมเหสีของซูสก่อนที่พระนางเฮร่าจะได้ตำแหน่งนี้ไปครองแทนในภายหลัง
และบางตำนานก็ว่าเทพีอโฟรไดต์นั้นเป็นธิดาของซูสกับไดโอนีด้วย ซิลีน
ซิลีนเป็นธิดาของเทพไททันไฮเพอร์เรียนกับเธีย เป็นเทพธิดาดูแลวิถีโคจรของดวงจันทร์ เป็นเทพธิดาที่ได้ชื่อเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
ซิลีนเป็นชู้รักองค์หนึ่งของซูส แต่ชู้รักที่ซิลีนรักมากที่สุดนั้นคือ เอนดีเมียน หนุ่มเลี้ยงแกะ ซิลีนถึงขนาดขอพรจากซูสเพื่อบันดาลให้เอนดิเมียนนอนหลับไปตลอดกาลเพื่อจะได้ไม่แก่ไม่ตาย และนางก็ลงมาหาเขาได้ทุกค่ำคืน
แต่บางตำนานกล่าวถึงความรักกับหนุ่มเลี้ยงแกะแอนดีเมียนนี้ว่าเป็นเทพีอาร์เทมีส ไม่ใช่ซิลีน ตำนานนี้ค่อนข้างสับสนเนื่องจากทั้งซิลีนและอาร์เทมีสต่างก็เป็นเทพีแห่งจันทราเหมือนกัน เพียงแต่คนละยุคกันเท่านั้น คัลลิสโต
คัลลิสโต เป็นนางอัปสรบริวารคนสนิทของเทพีอาร์เทมีส เธอดำรงความเป็นสาวบริสุทธิ์เหมือนเทพีอาร์เทมีส และชอบล่าสัตว์เหมือนเทพีอาร์เทมีส เมื่อซูสเกิดต้องตาคัลลิสโตเข้า พระองค์จึงต้องใช้อุบายแปลงร่างเป็นอาร์เทมีสเข้าไปหานาง และได้นางเป็นชายา
เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ คัลลิสโตก็พยายามปกปิดไม่ให้เทพีอาร์เทมีสรู้ แต่วันหนึ่งขณะที่อาบน้ำด้วยกันเทพีอาร์เทมีสเห็นท้องของคัลลิสโตก็รู้ว่านางสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เทพีอาร์เทมีสจึงเนรเทศนางออกไป
คัลลิสโตให้กำเนิดโอรสตามลำพัง ขณะนั้นพระนางเฮร่าที่คอยทีอยู่เมื่อเห็นว่าคัลลิสโตอยู่ตามลำพังก็ลงมาสาบนางให้เป็นหมี
ส่วนโอรสของคัลลิสโตนั้นเทพเฮอร์มีสได้พาไปให้นางไมอา มารดาของพระองค์ช่วยเลี้ยงดู โอรสองค์นั้นชื่อว่าอาร์คัส ซึ่งแปลว่าหมี และเมื่อโตขึ้นอาร์คัสก็ได้เป็นนายพรานตามรอยมารดาของตน
ต่อมาวันหนึ่งอาร์คัสเข้าป่าล่าสัตว์ นางคัลลิสโตเห็นบุตรของตนเองก็จำได้จึงเข้ามาหา อาร์คัสตกใจจึงใช้หอกแทงคัลลิสโตในร่างของหมีตาย ซูสจึงบันดาลให้คัลลิสโตกลายเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่บนฟ้า และให้อาร์คัสบุตรชายกลายเป็นดาวหมีเล็กอยู่เคียงข้างกัน
พระนางเฮร่านั้นยังไม่หายโกรธชายาน้อยองค์นี้ของซูส พระนางจึงได้ให้ทีธิสช่วยลงโทษสองแม่ลูกที่ตอนนี้กลายเป็นดาวบนฟ้าไปแล้วให้ด้วย ซึ่งทีธิสก็บันดาลให้ดาวหมีใหม่และหมีเล็กลอยอยู่บนฟ้าตลอดเวลา ไม่มีโอกาสลงมาพักบนโลกตลอดกาล และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้กลุ่มดาวหมีใหญ่และดาวหมีเล็กต้องลอยล่องอยู่บนฟ้าตลอดปี ไม่มีช่วงเวลาที่ลับขอบฟ้าเหมือนดาวดวงอื่นๆ ลีดา
นางลีดาเป็นธิดาของเจ้าเมืองเธสพิอัส และเป็นมเหสีของท้าวทินดาริอุส เจ้าผู้ครองนครสปาร์ต้า
วันหนึ่งหลังจากตั้งครรภ์กับท้าวทินดาริอุสได้ไม่กี่วัน นางลีดาก็ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำยุโรทาส และบังเอิญที่มหาเทพซูสมองลงมาเห็นเธอเข้า และเกิดอาการเจ้าชู้กำเริบ
ซูสวางแผนแปลงร่างเป็นหงส์บินหนีนกอินทรีโผไปซบอกนางลีดา นางลีดาก็โอบกอดหงส์แปลงนั้นและขับไล่นกอินทรีไป ซึ่งก็เป็นไปตามแผนของซูส
ซูสจึงได้นางลีดาเป็นชายา
เมื่อครบกำหนดคลอด ลีดาก็ให้กำเนิดไข่สองฟอง ฟองหนึ่งแตกออกมาเป็นหญิงชายแฝด หญิงชื่อ ไคลเทมเนสตรา และชายชื่อ คาสเตอร์ ทารกคู่นี้เป็นโอรสธิดาของท้าวทินดาริอุส
ไข่อีกฟองหนึ่งแตกออกมาก็เป็นหญิงชายแฝดเช่นกัน หญิงชื่อ เฮเลน ส่วนชายชื่อ พอลลักซ์ ทารกคู่นี้เป็นโอรสและธิดาของมหาเทพซูส
เฮเลนนี้เป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งต่อมาเป็นต้นเหตุให้เกิดมหาสงครามแห่งกรุงทรอย เลเมีย
เลเมีย (Lamia) เป็นธิดาของโพไซดอนกับนางไลบี เป็นชายาที่ซูสหลงรักมากคนหนึ่ง
เมื่อพระนางเฮร่ารู้ว่าซูสมาได้นางเป็นชายา พระนางก็ได้ตามมาฆ่าลูกของเลเมียจนตาย และสาบให้เลเมียกลายเป็นปีศาจ มีหน้าและนมเป็นผู้หญิง ส่วนร่างกายเป็นงู และต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากถูกสาบให้ไม่สามารถหลับตาได้
ด้วยความสงสาร ซูสจึงให้พรให้เลเมียสามารถถอดและใส่ดวงตาได้ตามที่ต้องการ
เลเมียที่น่าสงสารกลายเป็นปิศาจร้ายที่คอยลักพาเด็กไปกิน เนื่องจากความพยาบาทที่ลูกของนางถูกฆ่าตายนั่นเอง ดาเน่
ดาเน่ เป็นราชธิดาของกษัตริย์ อกริเซียส แห่งนครอาร์กอส
กษัตริย์อกริเซียสนั้นไม่มีโอรส จึงได้ไปขอคำพยากรณ์จากวิหารเทพอพอลโล คำพยากรณ์ที่ได้บอกว่าพระองค์จะถูกโอรสของนางดาเน่ราชธิดาฆ่าตาย พระองค์จึงขังนางดาเน่ไว้บนยอดหอคอยทองเหลืองเพื่อป้องกันไม่ให้ราชธิดาสาวสวยได้พบกับชายหนุ่มคนใด
แต่การอยู่บนหอคอยสูงกลับทำให้ความสวยงามของเจ้าหญิงดาเน่ไปเตะตามหาเทพซูสเข้า พระองค์จึงเสด็จลงมาหาและได้นางเป็นชายา
วันหนึ่งเจ้าหญิงดาเน่ก็ประสูติโอรสนามว่า เพอร์ซีอุส เสียงร้องของทารกดังจากยอดหอคอยไปถึงท้าวอกริเซียส ท้าวอกริเซียสไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะคนหนึ่งก็ลูกคนหนึ่งก็หลาน ก็เลยจับสองแม่ลูกลอยทะเลไป
แพน้อยลอยทะเลไปเกยหาดที่เกาะเซอริฟัส และท้าวโพลิเดคทิส เจ้าเกาะนั้นก็รับสองแม่ลูกให้อยู่อาศัยด้วย
ท้าวโพลิเดคทิสนั้นอยากได้นางดาเน่เป็นชายา แต่นางดาเน่ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนเพอร์ซีอุสเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ ท้าวโพลิเดคทิสเห็นว่าเพอร์ซีอุสจะเป็นคนขัดขวางไม่ให้พระองค์สมหวังในตัวนางดาเน่ จึงออกอุบายให้เพอร์ซีอุสไปตัดหัวเมดูซ่ามาถวาย
เพอร์ซีอุสไปฆ่าและตัดหัวเมดูซ่ากลับมาได้ และได้ภรรยาชื่อ อันโดรเมดา กลับมาด้วย เขาเอาหัวเมดูซ่าให้ท้าวโพลิเดคทิสดู ท้าวโพลิเดคทิสจึงกลายเป็นหินไป
จากนั้นเพอร์ซีอุสก็พานางดาเน่กลับบ้านเมือง ซึ่งพอท้าวอกริเซียสรู้ว่าลูกสาวกับหลานชายเดินทางกลับเมืองก็กลัวว่าคำทำนายจะเป็นจริง จึงแอบเดินทางไปหลบที่กรุงลาริสสา
และที่กรุงลาลิสสานั้นเองได้มีงานจัดงานแข่งขันกีฬากันอยู่ เพอร์ซีอุสผ่านมาก็แวะเข้าร่วมแข่งขันกีฬากับเขาด้วย กีฬาที่เพอร์ซีอุสเข้าร่วมแข่งขันคือขว้างจักร
ด้วยพละกำลังมหาศาลของเพอร์ซีอุส จักรที่เขาขว้างลอยละลิ่วไปตกบนอัฒจันทร์คนดู และถูกศีรษะของชายชราผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย
ชายชราผู้นั้นคือท้าวอกริเซียส เอคโค
เอคโค (Echo) เป็นนางไม้ที่ไม่ได้เป็นชายาของซูส แต่โดนลูกหลงความขี้หึงจากพระนางเฮร่า เนื่องจากมื่อพระนางเฮร่าตามหาสวามีจอมเจ้าชู้บนโลกมนุษย์ นางเอคโคได้เข้ามาพูดนอกเรื่องนอกราวเสียยืดยาวจนพระนางเฮร่าตามพระสวามีไม่ทัน พระนางจึงสาบให้เอคโคพูดเองไม่ได้ ได้แค่พูดทวนคำพูดของคนอื่นเท่านั้น  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น