วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

อาธีน่า (Athena) เทพีแห่งสติปัญญาและสงคราม

ในคณะเทพแห่งโอลิมเปียนส์นั้นมีเทพีพรหมจารีอยู่ 3 องค์ คือ เทพีเฮสเทีย (Hestia) เทพีอาธีน่า (Athena) และเทพีอาร์ทีมิส (Artemis) องค์แรกเป็นพี่สาวของซูสมหาเทพ ส่วนสององค์หลังเป็นธิดา
ย้อนกลับไปสมัยที่ซูสโค่นบัลลังก์โครนอสเทพบิดาลงได้ และได้ขอให้มีทิสเทพีแห่งปัญญาผู้เป็นธิดาของเทพไททันโอเชียนัสกับทีธิสช่วยทำยาสำรอกบังคับให้โครนอสกลืนกินเพื่อคลายบรรดาพี่ๆ ของซูสออกมาจากท้องได้สำเร็จ จากนั้นซูสก็ได้มีทิสเป็นชายาองค์แรก
 
แต่เมื่อมีทิสตั้งครรภ์ จอมมารดาไกอาก็พยากรณ์ว่าโอรสของซูสที่เกิดจากมีทิสจะเป็นผู้โค่นบัลลังก์ของซูสดุจเดียวกับที่ซูสเคยโค่นบัลลังก์ของโครนอส
ซูสกลัวคำพยากรณ์นั้นจึงได้กลืนมิทิสผู้เป็นชายาลงท้องไป และเนื่องจากมีทิสเป็นเทพีครองปัญญา เมื่อไปอยู่ในท้องซูสแล้วก็ได้คอยให้คำแนะนำต่างๆ แก่ซูสจากในท้องนั้นเอง
กาลเวลาผ่านมา วันหนึ่งซูสก็ปวดเศียรอย่างรุนแรง พระองค์จึงเรียกประชุมเทพสภาเพื่อหาทางรักษาอาการปวดนั้น แต่ไม่มีเทพหรือเทพีองค์ใดรักษาอาการนี้ให้ได้ ซูสจึงตัดสินใจให้เทพองค์หนึ่งช่วยผ่าพระเศียรให้
ยังไม่ทันที่รอยแผลบนพระเศียรของจอมเทพที่เกิดจากขวานจามจะแยกออกจากกันดี ก็ปรากฎร่างเทพีองค์หนึ่งผุดออกมาจากพระเศียรของจอมเทพ เทพีองค์นั้นแต่งกายสวมเกราะแวววาว มือถือหอกและโล่ห์ ลักษณะพร้อมออกศึก กล่าววาจาประกาศชัยชนะก้องกัมปนาทท่ามกลางความสั่นสะเทือนและเสียงอึกทึกของพสุธาและมหาสมุทร
เทพีที่กำเนิดขึ้นองค์นี้คือเทพีอาธีน่า เป็นเทพีแห่งการศึก
และขณะที่เทพีอาธีน่าปรากฎกายขึ้นนั้น ความโฉดเขลาทั้งหลายที่ไม่ปรากฎรูปก็หลีกหนีไปจนหมดสิ้น เทพีอาธีน่าจึงเป็นเทพีครองปัญญาด้วยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งปัญญาแห่งอาธีน่านั้นคงจะได้รับถ่ายทอดมาจากมีทิสผู้เป็นเทพมารดานั่นเอง
ภายหลังการอุบัติของเทพีอาธีน่าไม่นาน หัวหน้าชนชาวฟีนิเชียชื่อ ซีครอบส์ (Cecrop) ก็ได้พาบริวารอพยพเข้าไปในดินแดนประเทศกรีซ และได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นที่แคว้น อัตติกา (Attica) นครใหม่แห่งนี้มีความสวยงามเป็นอันมาก จนเทพและเทพีทั้งหลายต่างอยากจะให้ชื่อของตนได้เป็นนามของนครแห่งนี้
เทพและเทพีต่างถกเถียงกันในเทพสภาว่าใครควรจะได้สิทธิ์ในการใช้ชื่อของตนเองเป็นชื่อของนครแห่งนี้ หลังจากถกเถียงกันเนิ่นนาน เทพและเทพีต่างก็ยอมสละสิทธิ์ เหลือเพียงอาธีน่าและโพไซดอนเพียงสององค์ที่ไม่ยอมกัน
 
เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามใหญ่โต มหาเทพซูสจึงให้โพไซดอนและเทพีอาธีน่าเนรมิตสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้นครใหม่ หากเทพสภาเห็นว่าสิ่งเนรมิตของใครมีประโยชน์มากกว่า เทพผู้เนรมิตก็จะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
โพไซดอนเนรมิตน้ำทะเลให้พวยพุ่งเป็นน้ำพุเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ชาวเมือง ส่วนเทพีอาธีน่าเนรมิตเพียงต้นมะกอกต้นเดียว
เหล่าเทพและเทพีต่างโต้เถียงกันว่าระหว่างน้ำพุกับต้นมะกอก อย่างไหนจะให้ประโยชน์แก่ชาวเมืองมากกว่ากัน
ฝ่ายที่เข้าข้างโพไซดอนก็ว่าน้ำพุนั้นมีประโยชน์กว่า อีกทั้งน่าอัศจรรย์ในความสวยงามและความแรงของสายน้ำ ไม่เหมือนต้นมะกอกที่ไม่เห็นมีค่าอันใด
ส่วยฝ่ายที่เข้าข้างเทพีอาธีน่าก็แย้งว่าน้ำพุนั้นสวยงามก็จริง แต่มีรสเค็ม ไม่อาจสร้างประโยชน์อันใดได้ ส่วนต้นมะกอกนั้นมีประโยชน์ทั้งผลที่กินได้ ให้น้ำมัน และกิ่งก้านใช้ทำฟืนในฤดูหนาว
ผลการตัดสินของเหล่าเทพบุตรและเทพธิดาปรากฎว่าเทพบุตรเลือกน้ำพุของโพไซดอน ส่วนเทพธิดาเลือกต้นมะกอกของเทพีอาธีน่า และเนื่องจากเทพธิดามีจำนวนมากกว่าเทพบุตรอยู่ 1 องค์ ต้นมะกอกของเทพีอาธีน่าจึงชนะการแข่งขัน
เทพีอาธีน่าตั้งชื่อเมืองใหม่นั้นว่ากรุงเอเธนส์ และต้นมะกอกก็กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งกรุงเอเธนส์นับแต่นั้นมา
คลิ๊ก..เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ จาก www.wga.hu 
 
เทพีอาธีน่านั้นมีฝีมือในเรื่องการถักทอยิ่งนัก ยากที่มนุษย์ เทพ หรือเทพีองค์ใดจะเทียบได้ แต่ก็มีดรุณีน้อยนางหนึ่งที่บังอาจคิดทาบรัศมี
ดรุณีน้อยผู้มีรูปโฉมสะคราญตาผู้นั้นชื่อว่า อารัคนี (Arachne) เธอมีฝีมือในการปั่นด้ายและทอผ้าอันน่าพิศวง และด้วยความหลงทนงในฝีมือทอผ้าของตน นางถึงกับบังอาจเปรียบเทียบว่าแม้เทพีอาธีน่าลงมาแข่งด้วยก็อาจพ่ายแพ้นาง
อารัคนีโอ้อวดฝีมือตนเองอยู่เนืองๆ จนเทพีอาธีน่ารำคาญ ต้องลงมาจากสวรรค์เพื่อลงโทษนางมนุษย์ผู้นี้เพื่อไม่ให้ใครอื่นบังอาจดูถูกวงศ์เทพอีก
 
เทพีอาธีน่าจำแลงองค์เป็นหญิงชรา เดินเข้าไปในบ้านของอารัคนี และชวนเธอคุย ชั่วประเดี๋ยวเดียวนางอารัคนีก็เริ่มคุยถึงฝีมือทอผ้าของตน และคุยข่มว่าฝีมือนางนั้นเหนือกว่าเทพีอาธีน่า
เทพีอาธีน่าในร่างของหญิงชรากล่าวเตือนนางไม่ให้ล่วงเกินเทพเจ้า แต่อารัคนีไม่สนใจ ยังกล่าวท้าทายให้เทพีอาธีน่าปรากฎกายมาเพื่อแข่งขันกัน
เทพีอาธีน่าจึงกลับคืนร่างและรับคำท้าของนาง
เทพีและนางมนุษย์ผู้โอหัง ต่างจัดแจงตั้งหูก และต่างฝ่ายต่างทอลายผ้าอันงามวิจิตรขึ้น เทพีอาธีน่าทอเป็นลวดลายเนื้อเรื่องตอนที่แข่งกับเทพโพไซดอนเพื่อตั้งชื่อกรุงเอเธนส์ ส่วนอารัคนีทอลายเป็นเรื่องซูสลักพานางยูโรปา
ครั้นทอเสร็จ ต่างฝ่ายต่างเอาลายผ้ามาเทียบเคียงกัน สาวเจ้าอารัคนีรู้ทันทีว่าผ้าทอของนางแพ้หลุดลุ่ย ลายรูปโคโลดแล่นลุยไปในทะเลที่มีคลื่นซัดสาดเป็นฟองมีนางยูโรปาเกาะเขาอยู่ ไม่อาจเทียบได้กับลายรูปเหล่าเทพที่เหมือนมีชีวิตของเทพีอาธีน่าได้
อารัคนีทั้งเจ็บทั้งอาย จึงเอาเชือกมาผูกคอหมายจะฆ่าตัวตาย เทพีอาธีน่าจึงรีบเปลี่ยนร่างของนางให้กลายเป็นแมงมุมและสาปแช่งนางให้ต้องปั่นและทอใยเรื่อยไปไม่มีเวลาหยุด เป็นการเตือนมนุษย์ผู้ทรนงไม่ให้หลงยกตนขึ้นเทียมเหล่าเทพอีก
เรื่องราวความรักของเทพีอาธีน่านั้นมีน้อย เนื่องจากพระนางเป็นเทพีครองความบริสุทธิ์ จะมีก็เพียงครั้งหนึ่งที่เทพการช่างเฮเฟตัสมาสู่ขอเทพีอาธีน่าต่อมหาเทพซูส มหาเทพประทานอนุญาต แต่บอกให้เฮเฟตัสไปทาบทามถามความสมัครใจจากเทพีอาธีน่าเอาเอง
เฮเฟตัสไปพูดขอเทพีอาธีน่าแต่งงาน แต่พระนางไม่ยินดีด้วย เทพเฮเฟตัสจึงตรงเข้าไล่ปลุกปล้ำนาง ระหว่างนั้นเฮเฟตัสได้ปล่อยของไม่บริสุทธิ์ให้ตกลงมายังพื้นโลก บังเกิดเป็นทารกขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเทพีอาธีน่าก็สงเคราะห์รับทารกนั้นไว้ บรรจุหีบให้งูเฝ้า และส่งมอบให้ธิดาสาวท้าวซีครอปส์ดูแลโดยห้ามเด็ดขาดมิให้เปิดหีบดู แต่ธิดาสาวท้าวซีครอปส์ไม่เชื่อฟัง พยายามจะเปิดหีบ ครั้นเห็นงูเข้าก็ตกใจวิ่งหนีจนตกเขาตาย
 
ทารกนั้นมีชื่อว่า อิริคโธเนียส (Erichthonius) ซึ่งต่อมาก็ได้ครองกรุงเอเธนส์
ส่วนเทพีอาธีน่านั้นก็ไม่ได้รับการเกี้ยวพานจากเทพองค์ใดอีกเลย
เทพีอาธีน่านั้นมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นที่ปรึกษาให้กับมหาเทพซูส พระนางทรงอยู่เคียงข้างเพื่อคอยให้คำแนะนำแก่ซูสเทพบิดาอยู่เกือบตลอดเวลา เมื่อครั้งที่ซูสตกใจเตลิดหนีอสูรร้ายไทฟอนไปนั้น ก็ได้เทพีอาธีน่าพูดเตือนสติจนซูสกลับมาต่อสู้กับไทฟอนจนได้รับชัยชนะ
ส่วนในโลกมนุษย์นั้น เทพีอาธีน่าก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือวีรบุรุษหลายคน คือ
ช่วยเฮอร์คิวลิสสทำงาน 12 อย่างตามคำสั่งของเทพีเฮร่า
ช่วยเพอร์ซีอุสสังหารนางอสูรเมดูซ่า
ช่วยโอดีสซีอุส ให้เดินทางกลับบ้านจากยุทธภูมิทรอยอย่างปลอดภัย
ช่วยเตเลมาคัสบุตรชายของโอดีสซีอุสให้ตามหาพ่อจนสำเร็จ
และในสงครามทรอยนั้นเทพีอาธีน่าก็เป็นต้นเหตุหนึ่งของมหาสงคราม เนื่องจากเป็นหนึ่งในสามเทพีที่แย่งชิงตำแหน่งเทพีที่งามที่สุดแห่งสรวงสวรรค์ และเมื่อเกิดสงครามกรุงทรอย เทพีอาธีน่าก็เข้าร่วมรบอยู่กับฝ่ายกองทัพกรีก  

1 ความคิดเห็น: